เครดิตภาพจากผู้เขียน (สายน้ำไหล) สวัสดีทุกท่านนะคะ ณ ปัจจุบันโรคภัยไข้เจ็บมีมากมายกายกอง ทั้งโรคเก่าโรคใหม่ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดโคโรนา ที่กำลังระบาดอยู่ทั่วมุมโลก ณ เวลานี้ หรือปัญหาหมอกควันที่เป็นสาเหตุทำให้ร่างกายเจ็บปวด ฯลฯ แต่ถ้าอยากจะให้ร่างกายเราแข็งแรง ผู้เขียนขอแนะนำว่าอันดับแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่าร่างกายของเรานั้นเป็นเพื่อนแท้ เพราะมันจะอยู่กับเราตั้งแต่เราเกิดจนกระทั้งเราตายลาจากโลกนี้ไป..... เพราะฉะนั้นเพื่อนแท้คนนี้ (ร่างกาย) จะไม่มีทางทำร้ายเราอย่างแน่นอน เพราะในความเป็นจริง ตัวเราเองนั้นแหละที่คอยทำร้ายเพื่อนแท้คนนี้ ในทางตรงกันข้ามเพื่อนแท้คนนี้ (ร่างกาย) เขาจะพยายามเตือน หรือ ปกป้องเราอยู่ตลอดเวลาและอย่างสม่ำเสมอ เช่น เมื่อเราเกิดความรู้สึกเจ็บปวด เมื่อยล้า อ่อนแรง นั่นหมายความว่าเพื่อนกำลังส่งสัญญาณเตือนให้คุณรู้ว่าต้องหันกลับมาดูแลใส่ใจร่างกายบ้างแล้ว แต่เราก็ไม่ค่อยจะสนใจ หรือไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ถ้าคุณไม่อยากจะเจ็บป่วย...ควรจะถึงเวลาที่เราต้องดูแลเพื่อนแท้กันแล้ว ลองทบทวนตนเองตามนี้นะคะ https://pixabay.com/images/id-1384758/ คุณทำงานหนักไปหรือเปล่า การเป็นผู้รับผิดชอบในหน้าที่การงานก็เป็นสิ่งที่ดี แต่การทำงานหนักเกินไปจนไม่สนใจเพื่อนแท้ของคุณ ว่าเขาจะอ่อนแอไหมหรือว่าเขายังไม่พร้อมกับการปฏิบัติหน้าที่หรือเปล่า ดังวีรบุรุษ"จ่าแซม" กรณีช่วยเหลือเด็กติดถ้ำ ณ ถ้ำนางนอน จ.เชียงราย ที่มีข่าวโด่งดังไปทั่วโลกนั้น ผู้เขียนเชื่อว่าหากจ่าแซมฟังเสียงเพื่อนแท้สักหน่อย ไม่ฝืนร่างกายจนเกินไป เราอาจจะมีการสูญเสียให้เป็นเรื่องเศร้าก็ได้นะค่ะ เครดิตภาพจากผู้เขียน (สายน้ำไหล) คุณเครียดมากไปหรือเปล่า ความเครียดเป็นเรื่องของความคิดที่ไม่สามารถห้ามให้เราหยุดคิดได้ ใครสามารถสั่งให้ตัวเองหยุดคิดได้ คนคนนั้นก็คงบรรลุ... แต่สิ่งหนึ่งที่เราทำได้ คือถ้ารู้ตัวว่าเครียด ควรจะ ลด ละ เลิก หรือ หยุด กิจกรรมนั้น ๆ ชั่วคราว รอให้เพื่อนแท้ของเรา หายอ่อนแอ แล้วค่อยมาทำสิ่งนั้น ๆ ต่อ ก็ไม่สายเกินไป คุณนั่งนานไปไหม นั่งหลังตรงหน่อยไหม เพื่อนแท้คุณจะได้รู้สึกดีขึ้น อย่าก้มคอนาน ๆ หรือนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน เพื่อนคุณจะปวดเมื่อยและส่งสัญญาณมาว่าฉันปวดไหล่นะ ถ้าคุณไม่ขยับหรือไม่เปลี่ยนอิริยาบถฉันจะปวดหัวแล้วนะ สุดท้ายโรคออฟฟิสซินโดรม จะถามหา เครดิตภาพจากผู้เขียน (สายน้ำไหล) คุณยกของหนักไหม อย่ายกของหนักจนทำให้เพื่อนแท้ต้องปวดหลัง เพราะมันอันตรายต่อกระดูกไขสันหลังมาก ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องยกให้ถูกวิธี เพราะถ้าไม่ระวังหากเกิดการผิดพลาดจนเพื่อนแท้ได้รับบาดเจ็บมันจะได้ไม่คุ้มเสีย ดังประสบการณ์ตรงของเพื่อนผู้เขียน เขาแค่ยกเก้าอี้พลาสติกที่ซ้อนกันหลายตัว แต่ยกผิดท่าเพราะไม่คิดว่าเก้าอี้จะหนัก สุดท้ายก็ต้องจบด้วยการผ่าตัดหมอนรองกระดูก ทุกวันนี้ถึงจะทำการรักษาแล้วก็ยังมีอาการปวดอยู่ร่ำไป ไม่สามารถนั่งทำงานได้นาน ๆ คุณต้องรู้จักพักบ้าง... จะทำอะไรก็ควรจะมีเป้าหมาย แต่การไปถึงเป้าหมายถ้าเพื่อนแท้ของคุณไม่ไหว ก็ต้องมีพักบ้าง เครื่องใช้ไฟฟ้ายังต้องชาร์ตแบตเตอร์รี่ แล้วเพื่อนแท้คือร่างกายของเราเป็นอะไร ก็ต้องควรมีเวลาให้พักอย่างไม่มีเงื่อนไข ผู้เขียนขอแนะนำว่าควรพาเพื่อนแท้ของเราออกไปจากสถานที่เดิม ๆ ไปยังสถานที่เพื่อนแท้รู้สึกผ่อนคลาย พาเขาไปพักผ่อนแล้วค่อยกลับมาใช้ชีวิตตามเดิมก็ไม่มีใครว่า อาจจะพาเพื่อนแท้ไปยังที่อากาศบริสุทธิ์ มีอ๊อกซิเจน มีสายน้ำไหล ตนไม้เขียว ๆ ดังผู้เขียนก็ได้นะจ้า เครดิตภาพจากผู้เขียน (สายน้ำไหล) เนื่องจากร่างกายถือว่าเป็นเพื่อนแท้ของเรา เมื่อมีความรู้สึกเจ็บปวด แปลว่าเพื่อนแท้ของเรามาเตือนเราแล้ว เขาส่งสัญญาณมาเตือน ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะให้เรารู้ตัวว่าควร สนใจ ใส่ใจ เพื่อนแท้ของเราได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเพื่อนแท้ของเราจะอยู่กับเราได้ไม่นาน...การที่เพื่อนแท้ไม่ส่งสัญญาณใด ๆ มาเตือนเรา แบบนี้ถือว่าน่ากลัวกว่ามากคะ https://pixabay.com/images/id-163715/ การที่เราฟังเพื่อนแท้ของเรา(ร่างกาย) จะเป็นการทนุทถนอมให้เขาอยู่กับเรานาน ๆ อย่าคิดว่าเราแข็งแรงดี เราปกติดี และก็ใช้ร่างกายอย่างหนักจนไม่สนใจสัญญาณเตือนจากเพื่อนแท้ หากเป็นเช่นนั้น เราจะล้มแล้วล้มเลย เจ็บแล้วเจ็บเลย ไม่สามารถจะเยี่ยวยาแก้ไขได้ทันเวลา สิ่งสำคัญ คุณต้องฟังเสียงจากร่างกายตัวเองอยู่เสมอ มีสติอยู่กับตัวเอง เพื่อนแท้ของเราจะได้มีสุขภาพแข็งแรงและอยู่กับเราได้นาน ๆ ด้วยรักและห่วงใยจากผู้เขียนจ้า