[ป้ายคำสอน] ในป่าวัดอุโมงค์ หลาย ๆ วัดมักมี [ป้ายคำสอน] แขวนไว้ตามต้นไม้ ข้างทางเดิน ฝาผนังศาลาธรรม หรือจุดอื่นใดที่สามารถอ่านได้ง่าย คำสอนต่าง ๆ จะสั้นกระชับ อ่านจบภายในไม่กี่วินาที แต่แน่นอนว่าความหมายย่อมส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิดนานกว่านั้นมากที่วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ นอกจากมีอุโมงค์ธรรม เจดีย์เก่าแก่ และบริเวณวัดที่ร่มรื่นด้วยไม้ยืนต้นขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่วัด ถัดไปด้านหลังจะมีประตูเชื่อมออกไปสู่ป่าวัดอุโมงค์ เป็นป่าที่ดูแลโดยธรรมชาติ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเส้นทางเล็ก ๆ ให้เดิน แม้จะดูรกร้างแต่นั่นก็หมายถึงธรรมชาติได้จัดการตัวเองตามที่สมควรจะเป็น มากกว่าให้มนุษย์เข้าไปจัดการเสียทั้งหมดจะด้วยอะไรก็ตาม ในป่าวัดอุโมงค์ก็มี [ป้ายคำสอน] ให้ได้อ่าน ด้วยสภาพของป้ายบอกได้ว่าเก่า และไม่ได้ถูกจัดวางในที่ที่ควรอยู่ แม้จะไม่ได้อยู่ในจุดที่เหมาะสม แต่คำสอนที่ดีก็คือคำสอนที่ดี ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนหรืออยู่อย่างไรก็ตาม[ป้าย 1] : “อย่าเป็นทุกข์ให้โง่ ทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทุกข์”ป้ายแรก มีเสมือนลายมือชื่อของท่านพุทธทาส อินทปัญโญ อยู่ด้านล่างด้วย ความหมายของคำสอนดูว่าเข้าใจง่าย ใครบ้างอยากเป็นทุกข์ แต่ในการดำเนินชีวิตจริงทำไมเราถึงเป็นทุกข์ เราเองที่จะตอบได้ แต่ป้ายนี้สอนว่าอย่าเป็นทุกข์ให้โง่ ถ้าเราเข้าใจและเชื่อตามนั้น ก็ควรกลับมาพิจารณาว่าเรามีทุกข์หรือไม่ อะไรทำให้เราเป็นทุกข์ และถ้าไม่อยากโง่ เราก็ต้องหาทางกำจัดความทุกข์นั้นเสีย>>[ป้าย 2] : “มัวแต่มองจ้องผิดคนอื่นเขา ตัวเราเป็นอย่างไรไม่เคยรู้ จิตคิดเลวอย่างไรไม่เคยดู เรื่องคนอื่นเที่ยวรู้ไปรอบทิศ”อ่านแล้วเข้าใจความหมายทันที คำสอนไม่ได้บอกผลลัพธ์ของการเป็นคนแบบนั้น คือเป็นคนที่มองแต่ความผิดคนอื่นแต่ไม่เคยมองกลับมาที่ตัวเอง หลายคนอาจไม่ได้เป็นคนแบบนี้ แต่ใครที่เป็นและได้อ่าน ก็คงช่วยให้ได้กลับไปทบทวนว่าควรเป็นคนแบบนี้หรือไม่ และเป็นไปเพื่ออะไร>>[ป้าย 3] : “ยิ่งโง่ ก็ยิ่งคิดว่าตัวเองฉลาด”ความหมายชัดเจนในถ้อยคำ หมายถึงคนฉลาดมักไม่ค่อยคิดว่าเองฉลาด แต่จะยิ่งรู้ว่ายังมีเรื่องที่ตัวเองไม่รู้อีกมาก ขณะที่คนโง่จะคิดตรงข้าม คือคิดว่าความรู้ที่ตัวเองมี คือที่สุดของความรู้ ยิ่งโง่มากก็ยิ่งคิดว่าตัวเองฉลาดมากตามที่ป้ายสอนจริง ๆ>>[ป้าย 4] : “คนดีไม่เบ่ง คนเก่งไม่โม้ คนโตไม่อวด”ความหมายตรงตัว อ่านดูก็รู้ว่านั่นคือคุณสมบัติที่ควรเป็น แต่แม้จะรู้ดีอยู่แล้ว เมื่อได้อ่านป้ายคำสอนนี้ก็ทำให้ฉุกคิดว่า เราเป็นอย่างนั้นครบถ้วนแล้วหรือไม่ คือไม่เบ่ง ไม่โม้ ไม่อวด ไม่ว่าเราจะเป็นคนดี คนเก่ง คนโต หรือไม่ก็ตาม>>[ป้าย 5] : “กูรู้ทุกอย่างยกเว้นตัวกู”ป้ายสุดท้ายดูเหมือนจะเข้าใจง่ายที่สุด แต่กลับรู้สึกว่าลึกซึ้งที่สุด เหตุเพราะเป็นเรื่องของอัตตาที่ต้องทำถามตัวเองให้ได้คำตอบจริง ๆ ว่าเราเป็นอย่างนั้นหรือไม่ คือรู้ทุกเรื่อง รู้ทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวคือไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร น่าแปลกที่การยอมรับไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่หากใครยอมรับได้ว่าตัวเองเป็นอย่างคำสอนในป้าย ก็ถือว่าการยอมรับคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีกว่าเดิมออกจากป่าวัดอุโมงค์ด้วยความอิ่มเอม ทั้งการเดินเพลิดเพลินอยู่ในนั้น และการได้ครุ่นคิดถึงทุก [ป้ายคำสอน] การได้อ่านคำสอนจากป้ายทั้ง 5 เป็นเหมือนการได้ทบทวนความคิดของตัวเอง ทั้งเรื่องที่รู้อยู่แล้ว และอีกมากมายหลายเรื่องที่ไม่รู้อะไรเลย หรือไม่ก็ยังจัดการให้ดีไม่ได้เลย ทั้งที่เป็นเรื่องของตัวเองหรือ [ตัวกู] แท้ ๆLink วัดอุโมงค์[ทุกรูปโดย f i l e b y N o r]