หากพูดถึงแลนด์มาร์คสำคัญ ๆ ของเชียงใหม่ ใครหลายคนคงต้องนึกถึงหนึ่งสถานที่สำคัญแห่งนี้ของเชียงใหม่เป็นอย่างแน่นอน นั่นก็คือ “ดอยสุเทพ” หรือ “วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร” ที่ดึงดูดตาดึงดูดใจให้ชาวต่างชาติต้องคอยมาเยือนเป็นประจำ ไม่ใช่เพียงแค่คนอื่น ๆ หรือชาวต่างชาติที่มาเชียงใหม่แล้วต้องขึ้นไปชมความงดงามของพระธาตุ แต่ตัวผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ ที่ไม่ว่าจะไปเชียงใหม่กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ต้องไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ตลอดทุกครั้งเลยค่ะ (ของมันต้องไปค่ะแม่ ^^) สิ่งที่ผู้เขียนจะมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องความงดงามเหมือนบทความอื่น ๆ ค่ะ แต่จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อ!!! (สายมูต้องอ่านแล้วล่ะค่ะ^^) คือตัวเราเองก็ได้มีโอกาสไปเชียงใหม่อยู่บ่อย ๆ ค่ะ แต่ครั้งแรกของการไปเชียงใหม่ก็เป็นการไปเที่ยวกับเพื่อนแบบตามปกติทั่วไป อารมณ์แบบประมาณออกทริปกับเพื่อน ๆ แล้วมีโอกาสได้ไปเยือนดอยสุเทพ ก็เลยพากันไปกราบไหว้พระธาตุดอยสุเทพที่คนเชียงใหม่เขาพากันนับถือและบอกว่าศักดิ์สิทธิ์จริง!! ลุงที่แกขับรถประจำทางแถวนั้นก็บอกว่า “อยากขออะไรนะ ขอไปเลย ได้จริง” น้ำเสียงแกฟังดูหนักแน่นแล้วก็ดูมั่นใจเอามาก ๆ เลย แต่อารมณ์เราในช่วงนั้นก็คือเราไม่รู้จะขออะไร บวกกับเป็นคนที่ขอพรหรือขออะไรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เป็นอยู่แล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะไม่มีเรื่องราวปัญหาชีวิตอะไรในช่วงนั้นด้วยก็เลยไม่รู้จะขออะไร เราเลยตัดสินใจก็ขออะไรแบบปกติ ๆ ทั่วไป ก็คือขอให้ครอบครัวพบเจอแต่ความสุขความเจริญอะไรประมาณนี้ การเรียนการงานก็ให้ราบรื่น ซึ่งก็คือไม่เคยมีปัญหาในส่วนนี้อยู่แล้วในส่วนของเราก็คือไม่รู้ว่าได้ผลหรือเปล่า แต่เรื่องของเรื่องคือ เพื่อนที่ไปด้วยกัน หลังจากที่ไปมาแล้วครบ 1 เดือนพอดี เขามาเล่าให้ฟังว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์จริงสิ่งที่เขาขอไปได้สมปรารถนาจริง ๆ ด้วยความที่เพื่อนเราเป็นแม่ค้าออนไลน์ก่อนหน้านั้นที่จะไปกราบไหว้ก็ขายของแบบได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่พอเขาได้ขอพรไป อะไรทุก ๆ อย่างที่เขาขอมันดีขึ้นหมด แม้กระทั่งการงานตอนนี้จากขายของออนไลน์ที่ได้ขายดีขึ้นจากการรับสินค้าเขามาขายต่อ ก็ได้ขยายกิจการตัวเองโดยมีสินค้าเป็นของตัวเองบ้างแล้ว ณ ตอนนี้ และยังขายดีมาจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนเราซึ่งในตอนครั้งแรกไม่รู้ว่าจะขออะไร แต่พอไปรอบที่สอง เป็นช่วงที่เรามีปัญหาเรื่องความรักพอดี เราก็เลิกกับแฟนของเรามาจะ 3 ปีแล้ว ด้วยเหตุผลและปัญหาต่าง ๆ ในตอนนั้นก็เลยขอไปว่า... ถ้าเราทั้งสองรักกันจริงและเป็นเนื้อคู่กัน ขอให้เราได้กับมาเจอกันอีกครั้ง แต่ถ้าไม่ใช่ก็ขออย่าให้ได้เจอกันอีกเลย ตอนนั้นก็ไม่รู้อะไรดลใจให้ขอแบบนั้นไป อาจจะเพราะอยากจะตัดใจหรือด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง และสิ่งที่ได้อธิษฐานไปคือเรารู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าการใช้ชีวิตของเราและแฟนของเรามันอยู่คนละซีกโลกยากที่จะเจอกันอยู่แล้วด้วย เราได้ขอสิ่งนั้นไปตอนต้นปี แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ได้คือ ในช่วงกลางปีเราก็มีเรื่องราวให้ได้กลับมาคบกันอีกครั้ง แล้วก็ได้เจอหน้ากันด้วย หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานกว่า 3 ปี ก็คือเราแปลกใจและก็งงใจอยู่เหมือนกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเรา เป็นเพราะสิ่งที่เราขอไปหรือเปล่า ตรงนี้ก็อยากให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ แต่ถ้าไปเยือนหรือมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม ก็ลองขอพรหรืออธิษฐานในสิ่งที่อยากได้ ลองดูนะคะไม่ว่าจะพรเกี่ยวกับเรื่องอะไร บางคนอยากจะไปกราบไหว้หรือสักการะธรรมดาเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ตัวเองและคนที่เรารักก็ได้ค่ะ สุดท้ายนี้ผู้เขียนอยากจะฝากถึงผู้อ่านทุกคนว่า...จะพรอะไรก็ตาม หากเราไม่ได้ลงมือทำปัจจุบันหรือในแต่ละวันให้ดีที่สุด พรนั้นก็ไม่บังเกิดผลนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่อ่านมาถึงตอนจบ ขอบพระคุณค่ะ สุดท้าย ท้ายสุดจริง ๆ ฝากถึงผู้อ่านทุกท่านให้กำลังใจผู้เขียนด้วยนะคะ นี่เป็นบทความแรก ที่อยากมาเล่าสู่กันฟังค่ะ ^^ ภาพจาก กรกนก นิลบรรพต