เริ่มต้นปี 2564 ด้วยอากาศที่เริ่มกลับมาหนาวเย็นอีกครั้งโดยเฉพาะทางภาคเหนือของเรา ที่เป็นพื้นที่ที่มีอากาศเย็นอุณหภูมิในช่วงฤดูหนาวลดต่ำลง และในช่วงนี้นี่เองที่สิ่งสวย ๆ งาม ๆ จะได้เริ่มออกดอกผลิบานมาให้เราได้ชื่นชมกันอีกครั้งในรอบปี สำหรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ หรือนักท่องเที่ยวสายถ่ายภาพ วันนี้เรามีอีกหนึ่งสถานที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งสวยงาม ภาพของดอกไม้สีชมพูบานสะพรั่งทั่วทั้งดอยที่อยู่ในความทรงจำ หรืออยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน หวนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับอากาศที่หนาวเย็น ดอกไม้สีชมพูที่ได้รับการขนานนามให้เป็น "ดอกซากุระเมืองไทย" นั่นคือ...ดอกนางพญาเสือโคร่งนั่นเอง หากใครยังไม่เคยได้ยินหรือไม่เคยรู้จักกับนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย เราลองมาทำความรู้จักกับพืชพรรณหรือดอกไม้ชนิดนี้กันอีกทีดีกว่า "นางพญาเสือโคร่ง" หรือที่ทางภาคเหนือเรียกกันว่า ฉวีวรรณ ชมพูภูพิงค์ หรือที่ชาวกะเหรี่ยงในจังหวัดเชียงใหม่เรียก เส่คาแว่ เส่แผ่ แส่ลาแหล เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ที่มีความสูงประมาณ 10-15 เมตร พืชใบเดี่ยวที่มีลักษณะรูปรี ปลายเรียวแหลม มีดอกสีขาวชมพู เป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกมี 5 กลีบ เมื่อเบ่งบานมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 1-2 เซนติเมตร (ช่วงที่ออกดอกจะผลัดใบทิ้งก่อน) มีผลขนาด 1-1.5 เซนติเมตร สามารถรับประทานได้ เมื่อสุกจะมีสีแดง รสชาติเปรี้ยว ช่วงที่เริ่มออกดอก คือ ช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ พบได้ทั่วไปบนภูเขาที่มีความสูง 1,200-2,400 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งในประเทศไทยเองมีหลายที่ที่มีดอกนางพญาเสือโคร่ง ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม เช่น ภูลมโล จังหวัดเลย, ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย, ดอยเวียงแหง ดอยอ่างขาง ขุนช่างเคี่ยน ขุนวาง จังหวัดเชียงใหม่ และสถานที่ที่เราจะมาแนะนำบรรดานักท่องเที่ยว ที่อยากชื่นชมนางพญาเสือโคร่งในวันนี้ คือ...ขุนช่างเคี่ยน จังหวัดเชียงใหม่นั่นเองค่ะ "ขุนช่างเคี่ยน" เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เมื่อพูดถึงดอกพญาเสือโคร่ง ก็ต้องมีขุนช่างเคี่ยนจัดอยู่ในลิสต์เสมอ ขุนช่างเคี่ยนหรือสถานีวิจัย และศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่ที่ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม เชียงใหม่ ทางขึ้นไปทางเดียวกับวัดพระธาตุดอยสุเทพ ดอยปุย ในทุก ๆ ปีช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมกราคม เมื่ออากาศเริ่มหนาวเย็น ที่ขุนช่างเคี่ยนแห่งนี้จะถูกเติมเต็มไปด้วยสีสันสีชมพู ของดอกพญาเสือโคร่ง ที่คอยเรียกนักท่องเที่ยวทั้งใน และนอกพื้นที่ ให้หลั่งไหลกันเข้ามาชื่นชมความสวยงาม และสัมผัสกับอากาศเย็น นอกจากจะได้ชื่นชมดอกไม้สวย ๆ สีสันสดใสแล้ว บนดอยที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณทางธรรมชาติ เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่สวยงาม และน่าค้นหา บรรดานักท่องเที่ยวจะยังมีโอกาสได้พบเจอ เหล่านกน้อยที่มีสีสันแปลกตาที่อาจไม่ได้เห็นกันทั่วไป ที่เมื่อยิ่งอยู่คู่กับดอกไม้สวย ๆ แล้ว ภาพที่ได้เห็นยิ่งสวยเกินคำบรรยายเลยล่ะ สำหรับการเดินทางขึ้นไปชมดอกพญาเสือโคร่ง การเดินทางไม่ได้ยากแต่ก็ไม่ได้ง่ายซะทีเดียว สำหรับ one day trip ไปแล้วกลับ ทั้งรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ สามารถขึ้นไปได้ แต่มอเตอร์ไซค์จะค่อนข้างสะดวกกว่า เนื่องจากทางขึ้นทางลงมีทางเดียว และทางค่อนข้างเล็กสำหรับรถยนต์ที่จะสวนกัน หรือถ้าไม่อยากขับรถขึ้นไปเอง สามารถใช้บริการรถรับส่งขึ้นไปได้ โดยจะมีคิวรถอยู่บริเวณดอยสุเทพ สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะค้างคืน จะมีลานกางเต็นท์อยู่บริเวณอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ดอยปุย ติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ ที่เพจ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย Doi Suthep-Pui National Park หรือจองผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ http://nps.dnp.go.th/reservation.php ขอขอบคุณข้อมูลจาก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย Doi Suthep-Pui National Park สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ http://forprod.forest.go.th/forprod/techtransfer/document/ รูปภาพถ่ายโดยผู้เขียนทั้งหมด อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !