เชียงใหม่ ดินแดนแห่งอารยธรรมล้านนา หลายคนคงรู้สึกราวกับต้องมนต์สะกดให้อยากไปทุกครั้งเมื่อได้ยินชื่อนี้ นอกเหนือจากดอยน้อยใหญ่ต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงอันโด่งดังไปทั่วโลก เมืองแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงไหลที่ยังคงซุกซ่อนอยู่ภายใต้เมฆหมอกของความเจริญในยุคปัจจุบันมาอย่างช้านาน ท่ามกลางโลกที่หมุนเวียนผ่านกาลเวลา ทว่าความงดงามของอดีตยังคงสะท้อนภาพออกมาให้เห็น และรอเราไปสัมผัสกับร่องรอยของวิถีชีวิตและอารยธรรมผ่านกาลเวลานี้สักครั้ง ดั่งประตูท่าแพ หรือ "ต้าแป" ที่ชาวบ้านเรียกกันนั้นเดิมคือ ประตูเชียงเรือก แต่ใครจะไปคิดว่าจากประตูที่เคยใช้ในการป้องกันศึกสงครามเมื่อราว 7 ศตวรรษก่อน บัดนี้กลับเปิดกว้างต้อนรับทุกเชื้อชาติทุกภาษาอย่างเป็นมิตร ตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่รูปแบบจำลองที่สร้างขึ้น แต่ก็ยังแสดงถึงความงดงามในอดีตที่ยังทรงคุณค่า ทรงพลัง เต็มไปด้วยเรื่องราวและชีวิตชีวา เป็นสิ่งล้ำค่าเกินกว่าสิ่งปลูกสร้างสวยหรูยุคใหม่ที่เรียงรายอยู่รอบ ๆ ตัวจะเทียบได้ การได้มองผู้คนผ่านไปมา ใช้ชีวิตไปตามบริบทผ่านประตูท่าแพ ราวกับว่าเวลาได้ผสานวิถีชีวิตระหว่างอดีตและปัจจุบันเข้าด้วยกันอย่างลงตัว สะท้อนให้เห็นถึงความเหมือนในความต่างระหว่างสองช่วงเวลาในการดำรงชีวิตของผู้คนได้อย่างอัศจรรย์ ประตูท่าแพในทุกวันนี้อบอวลไปด้วยมวลแห่งความสุข เสียงหัวเราะ และความประทับใจของผู้คนที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลกทุกสารทิศ เมื่อเจ็ดร้อยกว่าปีก่อนประตูบานนี้อาจถูกสร้างมาให้ดูยิ่งใหญ่ แข็งแรง และน่ายำเกรงเพื่อปกป้องบ้านเมือง แต่เมื่อเวลาผ่าน หน้าที่ของประตูบานนี้ก็ย่อมเปลี่ยนไปตามสภาวะการณ์ในยุคปัจจุบัน ทว่ายังคงไว้ซึ่งความหนักแน่นเป็นปึกแผ่นที่ตกทอดมายังคนรุ่นหลัง นับว่าเป็นของขวัญชิ้นเอกที่บรรพชนส่งมอบให้แก่คนรุ่นหลังด้วยความรักและความตั้งใจ หากได้ลองไปเยือนสักครั้ง จะสัมผัสได้ถึงเสียงหัวเราะของนักท่องเที่ยวที่ดังอยู่ทั่วทุกมุมประตูแห่งนี้ หรืออาจนั่งจิบกาแฟปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับเฝ้ามองความเป็นไปของผู้คนที่ผ่านไปมา ราวกับกำลังนั่งมองประตูบานหนึ่งที่กำลังตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวอันหลากหลายของผู้คนให้เราเห็น ท่ามกลางความวุ่นวายของการใช้ชีวิต ก็ยังมีความสวยงามและศิลปะที่ยังคงถ่ายทอดออกมาในตัวของมันเองได้อยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ดูจะสามารถรับรู้ความสวยงามที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้มากมายขนาดไหน (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)