ภาพหน้าปกโดยนักเขียน ขนมหวานไทย เป็นขนมที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน และมีกรรมวิธีในการทำที่ละเมียดละไม และพิถีพิถัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจสำหรับคนไทยไม่แพ้อาหารไทยเลย แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ในปัจจุบันกลับไม่ค่อยมีคนที่รักษาเอกลักษณ์ดังกล่าวเอาไว้มากมายนัก คนที่ทำขนมไทยดั้งเดิมมาขาย ไม่ว่าจะเป็นตามตลาด หรือตามร้านอาหารต่าง ๆ นั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่กลับมีเพียงไม่กี่ร้าน ที่ยังคงเอาใจใส่ในกรรมวิธีการทำแบบดั้งเดิม และผลิตขนมไทยที่มีคุณภาพออกมาอยู่เสมอ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่อยู่คู่กับชาวเชียงใหม่มานาน และหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักศึกษาก็คือ อมช. ซึ่งเป็นหนึ่งในโซนสำหรับทานอาหารยอดนิยมของเหล่านักศึกษา และบุคลากร อมช.จะตั้งอยู่บริเวณใจกลางของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางเชื่อมของอาคารเรียนรวม 3 และ 5 ค่ะ โดยทางเข้าบริเวณด้านหน้าของอมช.จะอยู่ตรงถนนฝั่งตรงข้ามกับลานจอดรถของหอหญิง 2 ค่ะ ที่นี่มีเวลาเปิดทำการตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึงประมาณช่วงบ่ายสามก็จะเริ่มทยอยกลับกันแล้ว และในวันนี้นักเขียนจะมารีวิวร้านของหวานเพียงหนึ่งเดียวในอมช.ค่ะ ภาพโดยนักเขียน ร้านนี้เป็นร้านขายของหวานโดยเฉพาะขนมไทยเพียงร้านเดียวในอมช. และอาจจะเป็นร้านเดียวในมหาวิทยาลัยอีกด้วย หากไม่นับพ่อค้าแม่ค้าจากข้างนอกที่บางทีจะนำขนมไทยมาขาย ในขณะที่ร้านขายขนมจำพวกเบเกอรี่ หรือคาเฟ่ต์นั้นมีมากมายแทบจะเกลื่อนมหาลัย แต่ร้านนี้ยังเป็นร้านเดียวที่ยังคงขายขนมไทยตั้งแต่แรกเริ่มที่มีการตั้งอมช.มาจนถึงปัจจุบัน แถมขนมยังมีความสดใหม่ มีคุณภาพ สะอาด และราคาถูกอีกด้วย (คนที่ทำงานที่นี่มานานจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเมื่อก่อนทางร้านจะมีอุปกรณ์โบราณสำหรับทำขนมอยู่หลังร้านด้วยค่ะ เรียกได้ว่ามีการทำโชว์คนซื้อกันแบบสด ๆ แต่ปัจจุบันนี้ได้นำออกไปแล้ว เปลี่ยนเป็นการทำขนมมาจากบ้านแทน) เมนูของหวานในแต่ละวันจะไม่เหมือนกันค่ะ จะมีปรับเปลี่ยนบ้างบางเมนู แต่ของหวานบางอย่างทางร้านก็จะทำมาเหมือนกันทุกวัน หากไม่ขาดวัตถุดิบ เช่น ลอดช่อง, เฉาก๊วย เป็นต้น ภาพโดยนักเขียน นอกจากของหวานแล้วผลไม้ก็มีนะคะ แถมใครอยากซื้อแบบผลไม้เป็นลูกทางร้านก็มีขายให้ต่างหากด้วย เรียกได้ว่ามีของขายแบบครบครันจริง ๆ ภาพโดยนักเขียน อันนี้เป็นตัวอย่างของหวาน ซึ่งบางชนิดหาทานในสมัยนี้ได้ยากมาก ๆ ค่ะราคาของหวานแต่ละอย่างจะไม่เท่ากันแต่ เริ่มต้นที่ 10 บาท ซึ่งถือว่าถูกมาก ๆ ค่ะ ถูกกว่าร้านในตลาดบ้างร้านอีก ภาพโดยนักเขียน ส่วนตัวนักเขียนเป็นคนชอบของหวานตระกูลทองมาก ๆ เลยค่ะ วันนี้เลยจัดฝอยทองมาสองกล่อง กล่องละ 20 บาท รวม 40 บาท ภาพโดยนักเขียน -เนื้อสัมผัส เนื้อฝอยทองร่วนเป็นสายดีมาก ๆ เลยค่ะ เกิดจากกรรมวิธีแบบโบราณที่ต้องใช้ส้อมค่อย ๆ ตวัดฝอยทองจากกระทะขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน -รสชาติ มีความหวานกำลังพอดี ไม่หวานจนเกินไป นอกจากการปรุงรสตั้งแต่ในกระทะแล้ว หลังจากนำเส้นฝอยทองขึ้นมาพัก ทางร้านก็ยังนำมาคลุกน้ำตาลเพิ่มด้วย เวลาทานจะเห็นสีใส ๆ เคลือบอยู่ที่เส้นฝอยทองค่ะ -กลิ่น นอกจากกลิ่นหอมของน้ำตาลแล้ว ยังมีการใส่ไข่ในปริมาณพอดี ทำให้มีกลิ่นหอมของไข่อบอวลไปกับขนม แต่ไม่คาว สำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นไข่ก็ทานได้ เพราะไม่เหม็นกลิ่นไข่เลยค่ะ และทางร้านใส่กลิ่นผสมอาหารกลิ่นมะลิลงไปด้วยนิดนึง ทั้งกลิ่นหอมหวานของน้ำตาล, กลิ่นไข่ที่กำลังพอดี และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกมะลิ คลุกเคล้าเข้าด้วยกันละมุนดีมาก ๆ ถือเป็นอีกร้านที่น่ามาลองชิมมาก ๆ เลยค่ะ ขนมอร่อย แถมยังคงรักษาวิธีการทำแบบโบราณของไทยอีกด้วย ใครสะดวกอย่าลืมแวะมาทานกันนะคะ^^