ชาวเชียงใหม่ นอกจากจะมีความเคารพอย่างยิ่งต่อพระธาตุดอยสุเทพ พระพุทธสิหิงค์ อีกหนึ่งในสถานที่ที่ชาวเชียงใหม่ให้ความเคารพแต่โบราณ คือ พระธาตุศรีจอมทอง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ สำหรับประวัติความเป็นมาของพระธาตุแห่งนี้มีมายาวนานกว่า 500 ปีมาแล้ว ในสมัยราชวงศ์มังรายแห่งอาณาจักรล้านนา ปรากฏหลักฐานว่า กษัตริย์พระนามว่า พระเมืองแก้ว ได้มาบูรณปฏิสังขรณ์ ตลอดจนสร้างเจดีย์และวิหารจตุรมุขไว้ ณ วัดแห่งนี้ ด้วยมีความเคารพใน “พระทักขิณะโมลีธาตุ” คือ พระบรมสารีริกธาตุพระเศียรเบื้องขวาของพระพุทธเจ้าประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้ ตลอดจนมีพิธีกรรมที่แตกต่างไปจากพระธาตุแห่งอื่น ๆ กล่าวคือ เมื่อสร้างเจดีย์ ก็จะมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในองค์พระเจดีย์ แต่สำหรับที่วัดพระธาตุศรีจอมทองนั้น บรรจุในผอบทองคำซึ่งบรรจุในเจดีย์ที่สามารถเปิดออกอัญเชิญได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่มีการอัญเชิญพระบรมธาตุเสด็จออก เพื่อสรงน้ำ ทำให้เกิดแบบแผนประเพณีในการอัญเชิญพระทักขิณะโมลีธาตุรับการสรงน้ำจากพุทธศาสนิกชนสืบทอดต่อมาหลายร้อยปีแล้ว ผู้ที่สามารถอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุได้ ต้องเป็นพระภิกษุชาวเมือง “อังคะรัฏฐะ” หรือเมืองจอมทองเท่านั้น ตำนานพระเจ้าเลียบโลกเล่าว่า พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมา ณ ดอยจอมทอง ทรงประธานพุทธทำนาย แล้วเสด็จสรงน้ำแม่กลาง นอกจากนี้ กระบวนแห่พระบรมสารีริกธาตุต้องมีทหารถืออาวุธ ตลอดจนประโคมด้วยวงดนตรีชื่อว่า “วงกลองจุม” แน่นอนว่าทั้งหมดต้องเป็นชาวจอมทองเช่นเดียวกัน หลังจากอัญเชิญออกจากคูหาปราสาทท่ามกลางวิหารจตุรมุขแล้ว มีการอัญเชิญไปยังพระอุโบสถ เพื่อถวายภัตตาหาร แล้วจึงอัญเชิญกลับมาเพื่อสรงน้ำ นับเป็นประเพณีที่มีความสนใจ มีแง่มุมทางวัฒนธรรมแฝงอยู่ โดยเฉพาะคติความเชื่อของชาวล้านนาที่ปฏิบัติต่อพระบรมธาตุหรือพระพุทธรูปเหมือนยังทรงพระชนม์อยู่ เช่น การถวายฟืนผิงไฟคลายหนาว (ตานหลัวหิงไฟพระเจ้า) เป็นต้น สำหรับกำหนดการสรงน้ำพระบรมธาตุศรีจอมทอง กำหนดจัดในตอนสายของวันพระใหญ่ คือ ขึ้น-แรม 8 ค่ำ 14 หรือ 15 ค่ำ เริ่มต้นตั้งแต่วันมาฆะบูชาเป็นต้นมา ซึ่งถือว่าเป็นวันที่ “พระธาตุเจ้าออกพรรษา” มีกำหนดการสรงน้ำดังนี้ 23 มีนาคม 2563 7, 15, 16 และ 21 เมษายน 2563 6 และ 21 พฤษภาคม 2563 5 มิถุนายน 2563 (สรงน้ำวันสุดท้าย พระธาตุเจ้าเข้าพรรษา) จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนได้ร่วมอนุโมทนาสาธุการโดยพร้อมเพรียงกัน ภาพประกอบโดยผู้เขียน