เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/images/id-1434079/ เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/images/id-1701085/ เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/images/id-3989110/ สวัสดีครับท่านผู้อ่านทั้งหลาย วันนี้เขียนมีเรื่องดี ๆ มานำเสนอครับเป็นเรื่องใกล้ตัวเรา ๆ ท่าน ๆ นี้แหละ และมักจะเจออยู่บ่อย ๆ ครับ มาดูกันครับว่าเป็นเรื่องอะไร ก่อนอื่นขอเล่าอะไรให้ฟังเป็นน้ำจิ้มกันก่อนสักหน่อยนะครับ มีเรื่องเล่าอยู่ว่าเพื่อนของผู้เขียนขับรถยนต์ด้วยความเร็วปกติไปทำงาน ขณะนั้นมีชายสูงวัยคนหนึ่งวิ่งกระโดดเข้าหารถยนต์ที่เพื่อนผู้เขียนขับมา (ประมาณว่ากะจะฆ่าตัวตาย) แต่ไม่ตายครับแต่บาดเจ็บสาหัส มีทะแนะ (ผู้เขียนบัญญัติศัพท์ขึ้นมาเองครับ ทะแนะ คือพวกที่รู้กฎหมายแบบงู ๆ ปลา ๆ แนะว่า “ยังไงคนขับรถก็ต้องรับผิดอย่างเดียวเพราะคุณเป็นคนทำให้เขาบาดเจ็บ....” ฟังดูแล้วมันดูแปลกไหมครับเราขับรถของเราอยู่ดี ๆ วิ่งแล้วกระโดดเข้าหารถเองใยเราต้องมาชดใช้ค่าสินไหมหรือค่าเสียหายแก่เขาอีก....แปลกดีแท้พวกทะแนะเนี้ยะ... ทีนี้มาดูกันครับว่าระหว่างทะแนะกับตัวบทกฎหมายนี้ใครแน่กว่ากัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วรรคหนึ่ง วางหลักไวว่า บุคคลใดเป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมยานพาหนะอันเดินกำลังด้วยเครื่องจักรกล บุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดจากยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้เสียหายนั้นเอง วรรคสอง ให้ใช้บังคับถึงผู้มีไว้ในครอบครองของตนซึ่งเป็นทรัพย์อันตรายโดยสภาพหรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้หรืออาการกลไกของทรัพย์นั้น เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/images/id-2789841/ คำถามที่ 1 ผู้ครอบครองหรือควบคุม เป็นอย่างไร ต่างกันอย่างไร คำตอบ : ผู้ครอบครอง คือ เจ้าของรถครับ เช่น นายชิดขับรถไปชนนายเก่ง อย่างนี้หละนายชิดต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายแก่นายเก่ง ผู้ควบคุม คือ คนควบคุมครับ ก็บอกอยู่ในตัวอยู่แล้วเป็นผู้ควบคุม เช่น นายกอผู้โดยสารรถแท็กซี่จ้างนายแดงขับรถไปส่งสนามบินดอนเมืองแต่บังเอิญว่าเกรงจะไม่ทันเวลาเครื่องบินออกนายกอจึงบอกทางให้นายแดงขับไปทางลัดและสั่งให้นายแดงขับรถเร็วกว่าปกติไปตามเส้นทางที่นายกอบอกปรากฏว่านายแดงขับรถตามคำสั่งนายกอไปชนนางสาวกระต่ายถึงแก่ความตาย แบบนี้นายกอผู้โดยสารก็ต้องรับผิดต่อนางสาวกระต่ายผู้ตายด้วยในฐานะผู้ควบคุม เห็นไหมหละครับว่าไม่ได้ทำอะไรแค่บอก (ควบคุม) ก็ผิดก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/images/id-1593836/ คำถามที่ 2 เหตุสุดวิสัย คือ อะไร คำตอบ.... “เหตุสุดวิสัย” หมายความว่า เหตุใด ๆ อันเป็นภัยพิบัติที่จะเกิดไม่อาจป้องกันได้แม้ผู้ประสบภัยหรือใกล้ประสบภัยได้ระมัดระวังดีแล้วดีแล้ว เช่น นายทองขาวขับรถไปด้วยความเร็วปกติแต่ปรากฏว่าเกิดฟ้าผ่าลงมากลางรถของนายทองขาวจนเป็นเหตุทำให้รถพลิกคว่ำไถลไปทับนางแดงซึ่งนั่งอยู่ในร้านอาหารถึงแก่ความตาย แบบนี้เป็นเหตุสุดวิสัยที่นายทองขาว และนางแดงก็ไม่อาจจะป้องกันได้ นายทองขาวไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดแก่ยานพาหนะนั้น (แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้นะครับว่า เป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ อันนี้เป็นตัวอย่างที่ผู้เขียนยกให้เห็นภาพประกอบความเข้าใจนะครับซึ่งในชีวิตจริงอาจจะต้องมีการเยี่ยวยาชดใช้ตามหลักมนุษยธรรม ก็อาจเป็นได้) เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/images/id-2575709/ คำถามที่ 3 เกิดเพราะความผิดของผู้เสียหายเอง คือ อย่างไร คำตอบ : คือความเสียหายนั้นเกิดจากผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเอง เช่น ด.ช.ประยุทธ์ โกรธพ่อที่ไม่อนุญาตให้เล่นเกม จึงกระโดดใส่รถของนายศักดิ์ระหว่างขับมาตามถนนด้วยความเร็วปกติและด้วยความระมัดระวังดีแล้ว ด.ช.ประยุทธ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส แบบนี้ถือว่าเป็นความผิดของ ด.ช.ประยุทธ์เอง นายศักดิ์ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายนั้น เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/images/id-1434079/ คำถามที่ 4 ทรัพย์อันตรายโดยสภาพหรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น คือ อะไร คำตอบ : ง่าย ๆ ครับ ทรัพย์ที่เป็นอันตรายโดยสภาพ คือ มันเป็นอันตรายโดยสภาพของมันอยู่ในตัวอยู่แล้ว เช่น งูเห่า (งูที่มีผู้จับเอามาเลี้ยงไว้ ถือว่าเป็นทรัพย์ตามกฎหมาย), กระแสไฟฟ้า, ระเบิด, น้ำมัน ฯลฯ อันนี้คือ ทรัพย์ที่มีอันตรายโดยสภาพครับ โดยความมุ่งหมายที่จะให้ คือ มีด, ปืน, ฯลฯ โดยอาการกลไกของทรัพย์ เช่น ชิงช้าสวรรค์ เครื่องเล่นม้าหมุน เครื่องเล่นสวนสนุก เครื่องห้อยโหนโจนทะยานต่าง ๆ อันนี้ครับเคยได้เห็นข่าวบ่อย ๆ ว่าเกิดการชำรุดเสียหายผู้เล่นตกมาเสียชีวิตบ้าง บาดเจ็บบ้าง อันนี้ผู้ครอบครองหรือผู้ควบคุมก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายนะครับหรือนายพัตร์ปล่อยกระแสไฟฟ้า (ทรัพย์ที่เป็นอันตรายโดยสภาพ)ล้อมรอบบ้านตัวเองป้องกันขโมยแต่นายขจรขี้เมาประจำหมู่บ้านมายื่นปัสสาวะรดรั้วบ้านนายพัตร์ทำให้ถูกกระแสไฟฟ้าดูดตายแบบนี้นายพัตร์ก็ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย เพราะกฎหมายมาตรานี้นอกจากจะบังคับใช้กับยานพาหนะที่เดินกำลังด้วยเครื่องจักรกลแล้ว วรรคสองยังบังคับใช้กับทรัพย์ที่เป็นอันตรายโดยสภาพและโดยความมุ่งหมายที่จะใช้หรืออาการกลไกของทรัพย์นั้นด้วย เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/images/id-269504/ ย้อนกลับมาประเด็นแรกครับ (ประเด็นที่ผู้เขียนเล่าให้ฟังเบื้องต้น) ท่านผู้อ่านเห็นหรือไม่ครับว่า ไม่มีในตัวบทกฎหมายเลยว่าคนขับรถยนต์ต้องรับผิดเสมอไป ทั้งนี้ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นประเด็น ๆ ไปครับว่าองค์ประกอบของกฎหมาย มาตรา 437 หรือไม่เห็นไหมละครับว่าจริง ๆ แล้วตามที่ทะแนะว่ามานั้น...มั่วร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมหละ เวลาเกิดเหตุมาอย่าเชื่อทะแนะ ละกัน.....ผู้เขียนฟังธง...สวัสดีครับ