การเดินทางท่องเที่ยวในภาคเหนือนั้นนอกจากการรอคอยเพื่อสัมผัสความหนาวเย็นในช่วงปลายปีของทุกปีแล้ว หากใครหลงใหลในธรรมชาติและความสดชื่น ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนสงบ ไร้นักท่องเที่ยวที่แออัดจอแจ ช่วงฤดูฝนเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ผมอยากจะเชิญชวนให้มาสัมผัสสักครั้งในชีวิต แล้วคุณจะพบว่า “เสน่ห์ของสีเขียว” มันมีพลังดึงดูดชวนให้หลงใหลได้อย่างน่าประหลาดเลยทีเดียว เช่นเดียวกับผมที่ถึงคราวหน้าฝนทีไรจำเป็นต้องออกเดินทางไกลไปล่าสีเขียวทุกที เช่นเดียวกับฤดูการนี้ที่พาทุกคนตะลอนไปตามเส้นทางเชียงใหม่สายเหนือในอำเภออันห่างไกลแสนเงียบสงบ และผ่านทะลุไปถึงเชียงรายสิ้นสุดที่อำเภอแม่สายกันเลยทีเดียว ถ้าพร้อมเดินทางไปกับผมแล้ว มาเริ่มออกเดินทางกันเลยครับ การเดินทางครั้งนี้ผมใช้เวลาในการเดินทางทั้งสิ้น 3 วัน 2 คืน ด้วยพาหนะคู่ใจมอเตอร์ไซต์ของผมตามเส้นทางมุ่งสู่เชียงใหม่สายเหนือ โดยเริ่มจากอำเภอสันทราย แม่แตง พร้าว ไชยปราการ ฝาง แม่อาย และเข้าสู่เชียงรายที่อำเภอแม่จัน และสุดสิ้นทางที่แม่สายครับ โดยจะเดินทางไปกลับโดยใช้เส้นทางเดิม เนื่องจากเลี่ยงถนนหมายเลข 108 เส้นเชียงใหม่-เชียงราย ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง การเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ในสภาพถนนที่เลอะเปรอะโคลนเช่นนั้นอาจจะเสียงอันตรายได้มาก วันแรกผมเริ่มเดินทางออกจากอำเภอสันทรายย่านแม่โจ้ไปตามถนนหมายเลข 1001 มุ่งสู่อำเภอพร้าว ด้วยระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร เมื่อถึงทางสามแยกด้านหน้าที่ว่าการอำเภอพร้าว ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 1150 เจอแยกสถานีเติมน้ำมัน ปตท. เลี้ยวซ้ายอีกครั้งเพื่อมุ่งไปสู่อำเภอไชยปราการในระยะทางอีกประมาณ 45 กิโลเมตร เมื่อขับตรงต่อไปจนถึงทางสามแยกป้อมยามบ้านป่าฮิ้น ให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหมายเลข 1346 หากไม่เลี้ยวทางนี้สามารถตรงต่อไปได้ครับ ซึ่งทางจะไปบรรจบกับถนนหมายเลข 107 บริเวณแยกปิงโค้ง แต่ที่ผมแนะนำให้มาเส้น 1346 นี้ เพราะจะพาทุกคนมาชื่นชมความงดงามของเนินถนน ทางโค้ง และท้องทุ่งนาขั้นบันไดอันสวยงามของถนนเส้นนี้ครับโดยจุดชมวิวของท้องทุ่งนาข้าวที่สวยที่สุดของถนนเส้นนี้จะอยู่บริเวณ “บ้านหัวฝาย” ซึ่งเมื่อถึงทางโค้งลงเนินเขาก็จะเห็นทิวทัศน์อันสวยงามอยู่เบื้องซ้าย สามารถจอดรถถ่ายรูปสวย ๆ ได้ตลอดริมข้างทางเลย เมื่อผ่านบ้านหัวฝายมาอีกราว 8-10 กิโลเมตร ก็จะมาพบจุดบรรจบถนนหมายเลข 107 ให้เลี้ยวขวาไปทางฮิโนกิแลนด์ มุ่งหน้าสู่ตัวอำเภอไชยปราการไปยังอำเภอฝางด้วยระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร (ซึ่งคืนที่ 2 ผมย้อนกลับมานอนพักแรมที่นี่ครับ) เมื่อใกล้เข้าสู่ตัวอำเภอฝางสามารถใช้ทางเบี่ยงเลี่ยงเมืองได้ หากต้องการเลี่ยงสภาพจราจรภายในตัวอำเภอหรือกลัวหลงทางเพราะถนนใจกลางเมืองจะมีถนนตัดแยกภายในตัวอำเภอหลายแยกครับ แต่ถ้าหากผ่านไปแล้วเมื่อเจอสัญญาณไฟให้ตรงไปอย่างเดียวเลยจะได้ไม่หลงทางครับ สุดท้ายถนนจะวิ่งไปชนกับถนนหมายเลข 1089 เข้าสู่ตัวอำเภอแม่อายในระยะทางอีกราว 30 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางในค่ำคืนแรกที่ผมได้เลือกที่จะพักที่ “ไม้หอมรีสอร์ท” ซึ่งเป็นการไปพักแบบไม่มีการจองล่วงหน้าไว้ แต่ทว่าผมก็แอบประมาทไปนิดเพราะเกือบจะไม่ได้พักที่นี่แล้ว เนื่องจากที่พักเหลือเพียงห้องเดียวขณะที่ผมไปถึง ใครจะไปคาดคิดว่า ปลายเดือนสิงหาคม กลางฤดูฝนแบบนี้ผู้คนจะเดินทางมายังอำเภอที่ห่างไกลในจำนวนมากขนาดนี้ แน่นอนล่ะ ผมยังเลือกที่จะเดินทางมาเที่ยวช่วงนี้เลย ฮ่า ๆ ราคาห้องพักนั้นก็สมราคากับสภาพห้องเลยครับคืนละ 600 บาท ใหญ่โตโอ่โถงพอสมควร นี่นอนคนเดียวนะครับ แอบเหงาเลย วันที่สองรุ่งขึ้นวันใหม่ ผมออกเดินทางแต่เช้าจากที่พักเลี้ยวขวาเข้าตัวอำเภอไปเสาะหาอาหารเช้ารับประทานเสียหน่อย จากนั้นจึงแวะเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ “วัดแม่อายหลวง” บรรยากาศภายในวัดสงบร่มรื่นมากเลยครับ ซึ่งวัดนี้ถือว่าเป็นใจเมืองของแม่อายวัดหนึ่งเลยล่ะครับ หากมาแล้วต้องแวะมาสักการะให้ได้ โดยเฉพาะใครที่อยากมาขอพรเรื่องโชคลาภกับพระอุปคุต ที่นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ศักดิ์สิทธิ์มาก โดยจะมีการจัดงานสักการะพระอุปคุตประจำปีในช่วงเดือนกันยายนของทุกปี ออกจากวัดเลี้ยวซ้ายมุ่งสู่ตำบลท่าตอนด้วยระยะทางราว 30 กิโลเมตรไปตามถนนหมายเลข 1089 เช่นเคย เพื่อไปเก็บบรรยากาศวิวสีเขียวในย่านบ้านนั้นต่อ สองข้างทางริมถนนของถนนที่ผ่านช่วงย่าน “ตำบลท่าตอน” ในช่วงที่มุ่งสู่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรายนั้น เมื่อเข้าสู่หน้าฝนจะสวยงามไปด้วยท้องทุ่งนาข้าวเขียวขจี นี่ลองจินตนาการถึงช่วงที่ข้าวตั้งท้องสุกสีทองคงจะสวยมากในอีกแบบเลยทีเดียว หากเป็นไปได้ ผมยังอยากจะมาในช่วงที่ข้าวเริ่มสุกเป็นสีทองอีกสักครั้ง เมื่อผ่านสวนส้มธนาธร มาไม่ไกลนัก ถนนก็เริ่มที่จะไต่ระดับขึ้นสู่ดอยอีกครั้งเพราะเริ่มเข้าเขตรอยต่ออำเภอแม่อาย และอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรายแล้ว ผมขับรถลัดเลาะไต่ระดับเขาไปเรื่อย ๆ ปรากฏชุมชนย่านบ้านผู้คนเป็นระยะ ๆ ทำให้ดูไม่น่ากลัวนักกับการเดินทางมาเพียงลำพัง เมื่อผมออกจากบ้านท่าตอนมาได้ประมาณ 15 กิโลเมตร ก็ถึงด่านกิ่วสะไตบริเวณทางแยกไปดอยแม่สลอง จากจุดนั้นไปอีกราว 10 กิโลเมตร ก็มาถึงจุดวิวงามอร่ามท้องทุ่งเขียวของผมที่ “บ้านเลาฟู” เขตชุมชนคนชาติพันธุ์อาข่า ท้องทุ่งสีเขียวตัดกับแสงแดดอ่อน ๆ ที่เหมือนจะเพิ่งสาดแสงลงมาหลังสายฝนโปรยปรายเนื่องจากพื้นถนนยังคงชุ่มไปด้วยน้ำอยู่เนืองนอง ทำให้นาข้าวกลายเป็นสีเขียวมรกตงดงามจับตา จากบ้านเล่าฟูผมขับรถมุ่งหน้าไปตามถนนสาย 1089 เข้าสู่อำเภอแม่สาย เมื่อขับมาได้ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตรจะผ่านน้ำพุร้อนป่าตึง และขับต่อมาอีกประมาณ 5 กิโลเมตร จะพบทางแยกคริสตจักรแม่จัน ให้เบี่ยงสายไปตามถนน 1089 ตามเดิมอีกราว 2-3 กิโลเมตรจะไปบรรจบกับถนนหมายเลข 1 มุ่งสู่อำเภอแม่สายอีกราว 40 กิโลเมตร ผมขับรถมุ่งหน้าไปยังสุดสายชายแดน ณ อำเภอแม่สาย เพื่อนมัสการ “พระธาตุดอยเวา” ให้เป็นสิริมงคลก่อนจะปิดท้ายปลายทริปของวันนี้ด้วยการถ่ายภาพท้องนาอันกว้างใหญ่สีเขียวแผ่กระจายแลไกลสุดสายตา ตะวันเริ่มบ่ายคล้อยเป็นสัญญาณเวลา 16.00 น. ถึงเวลาต้องลาจรกลับสู่นครเชียงใหม่ โดยผมใช้เส้นทางกลับในเส้นทางเดินไปทางอำเภอแม่จัน เข้าสู่เชียงใหม่ทางอำเภอแม่อาย และสิ้นสุดที่อำเภอฝาง อันเป็นเป้าหมายในการพักค้างแรมในคืนที่ 2 ด้วยระยะทาง 130 กิโลเมตร และถึงที่หมายปลายทาง “ฝางโมเดิร์น” ในเวลา 19.00 น. กับราคาช่วง Low Season ที่สัมผัสได้ในราคาคืนละ 500 บาทเท่านั้น พร้อมกับร่างกายที่เปียกปอนแม้จะใส่เสื้อกันฝนแต่เจ้าเม็ดฝนก็ยังแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของผมได้อยู่ดี คืนนี้ขอพักผ่อนกายาให้เพียงพอเพราะเหนื่อยกับการเดินทางอันแสนยาวนาน ขอจบการเดินทางทริปนี้เอาไว้เพียงเท่านี้ก่อน และจะกลับมาพาทุกคนเดินทางกันต่อในตอนที่ 2 ซึ่งเป็นตอนจบนะครับ สวัสดี ขอบคุณภาพประกอบการเดินทางทั้งหมดจากเพจนักเขียน Thip_Traveller