นักวิ่งชาวเม็กซิโก Emil Zatopek กล่าวไว้ว่า "if you want to run, run a mile. if you want to experience a difference life, run a marathon.” “ถ้าคุณอยากวิ่ง คุณวิ่งกิโลฯ เดียวก็พอ แต่ถ้าคุณอยากพบชีวิตใหม่ คุณค่อยมาวิ่งมาราธอน” ช่างเป็นคำกล่าวที่ปลุกวิญญานนักวิ่งให้ลุกขึ้นสวมรองเท้าแล้ววิ่งลิ่วไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว โดยมีจุดหมายปลายทางคือ สุขภาพที่แข็งแรงนั่นเอง เราเป็นคนหนึ่งที่รักการวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งออกกำลังกาย การวิ่งเพื่อการกุศล หากมีโอกาส เราก็จะไม่พลาดที่เข้าร่วมกิจกรรมเหล่านั้น เพราะมีความรู้สึกสนุกและได้ผ่อนคลายความตึงเครียดได้อีกรูปแบบหนึ่งได้ เข้าเรื่องเลยละกัน ล่าสุด เราได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งการกุศล รายการ Tango Run 2020 ครั้งที่ 1 จัดขึ้นโดยชมรมอนุรักษ์และพัฒนาท่าอากาศยานไทย กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ สถานที่จัดงาน ณ ห้วยตึงเฒ่า อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่ ในการวิ่งเพื่อการกุศลครั้งนี้ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2563 แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือระยะ FUN RUN 5 กิโลเมตร และ Mini Marathon10 กิโลเมตร สำหรับเราและแก๊งเพื่อนสาวต่างวัย ระดับนี้ละ ธรรมดาโลกต้องจำ FUN RUN ไปเลย เราใช้เวลาในการสมัคร ลงทะเบียน และ ฝึกซ้อมวิ่ง ก่อนถึงวันงานจริง สักพักหนึ่ง (ประมาณ 1 เดือน) เพื่อไม่ให้เกิดอาการน้อคในระหว่างการวิ่งจริง จะไหวไหมหนอ มาดูกัน เราออกเดินทางตั้งแต่ตีสี่ ขับรถไปถึงบริเวณงาน เกือบหกโมงเช้า รีบเข้ารับการสแกนตรวจวัดไข้จากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อป้องการแพร่กระจายของ ไวรัส โควิด 19 ที่กำลังระบาดมากขึ้นเรื่อยๆในขณะนี้ แต่จุดหลักคือ งานนี้ ไม่ทันได้วอร์มก่อนวิ่งเพราะมาถึงงานช้า เอาละสิ รอบนี้ มีเฮแน่ๆ เมื่อเพื่อเห็นว่า ไม่ทันได้วอร์ม ก็อาศัยเวลาอันน้อยนิด โยกไปๆมาๆ ให้พอมีการขยับเขยื่้อนร่างก่อนออกวิ่ง อย่างน้อยก็เรียกไว้เป็นทุนว่า วอร์มแล้วนะ วิ่งได้ ประมาณนี้ เมื่อถึงเวลาปล่อยตัว ประมาณ 6.15 น.เสียงสัญญาปล่อยตัวออก เหล่าบรรดานักวิ่ง เอาสนุก FUN RUN ต่างวิ่งกรูกันออกจุดปล่อยตัว เราอาศัยตอนรอออกตัวไปอยู่แถวหน้า เพื่อเป็นแรงบรรดาลใจว่าเรานำคนอื่นตั้งแต่จุดปล่อยตัว เราต้องต้องไม่รั้งท้าย ใครสนใจจะนำทฤษฏีนี้ไปใช้ ไม่หวงค่ะ 1 กม.เเรกดูชิลมาก เหมือนที่ พี่ Emil Zatopek กล่าวไว้เป้ะ วิ่งกิโลเดียว สบายๆ บรรยากาศประมาณว่านำหน้า ไม่มีใครแซงเยอะ เวลาหันไปดูมีคนวิ่งตามเรา แหม!มีแอบกระซิบ เร็วสิคะ พลังมีไหนกันหมด ตามมาให้ทันค่ะ เข้ากิโลเมตรที่ 2 อาการ เริ่มมีหอบนิดๆ อืมมม เดินทนบ้างนะ วิ่งมาเยอะละ เดินเลยค่ะ ตอนนี้เริ่มมีนักวิ่งแซงเราไปเรื่อยๆ แม้แต่ เพื่อนที่มาด้วยมันพากันวิ่งเเซงแล้วโบกมือบ้ายบาย มีบอก"ตามมานะแก" ประมาณว่าเริ่มเย้ยเราละ ไม่รีรอช้า เราออกสตาร์ทวิ่งต่อ ไม่ยอม และได้สร้างกฏการวิ่งที่ของเราเองขึ้น ณ บัดนั้น คือ วิ่ง100ก้าว เดิน 50ก้าว วิ่ง 100 ก้าว เดิน 100 ก้าว วิ่ง 50 ก้าว เดิน 100ก้าว และ เดินอย่างเดียวตั้งแต่ กิโลเมตรที่3.5 ไม่ไหวแล้ว เกิดอาการน้อค และเหนื่อยหอบเอามากๆ คงเป็นผลจากการเตรียมตัวไม่เพียงพอ และการไม่ได้วอร์มก่อนวิ่งแน่ๆ เดิน วิ่ง เดินวิ่ง ถึง เกือบจะกิโลเมตรที่ 4.5 หันหลังมอง อืมม ยังมีตามอย่างน้อยเราไม่ที่โหล่ละงานนี้ ลืมเล่าไปในงานวิ่งอีเว้นท์แบบนี้ที่ขาดไม่ได้ คือ ช่างภาพ จะมีตามจุดต่างๆ เพื่อเก็บภาพ อิริยาบถในการวิ่งของนักวิ่งทุกคน และงานนี้ บอกเลย ตากล้องเยอะมาก เพื่อจะได้มาซึ่งภาพวิ่งที่สวยงามดูมีสุขภาพที่ดี ประมาณแนวสปอร์ทนั้น เคล็ดลับ ข้อที่ 1 เมื่อเราเหลือบไปเห็นช่างภาพอยู่ข้างหน้า จงปลีกตัวให้ห่างจากนักวิ่งคนอื่นๆ ประมาณ10-20 เมตร เพื่อจะได้ภาพเดี่ยวที่เสมือนว่ามีเราวิ่งอยู่ในเฟรมคนเดียวสวยๆ ข้อ 2 ต้องทำท่าเสมือนว่ากำลังวิ่ง ห้ามเดินเด็ดขาดเดี๋ยวจะดูไม่แข็งแรง เห็นตากล้อง ต้องแกล้งวิ่งทันทีเลย ข้อที่ 3 หาท่าเด็ดๆ เพื่อเป็นคาแร็คเตอร์ของเราเอง เช่น กดไล้ค์ ลิทเทิลฮาร์ทแนวเกาหลี หรือ กระโดดสูงๆ ดูมีพลังหน่อยๆ และอื่นๆอีกมากมาย แล้วแต่จะครีเอทมันออกมา ณ เวลานั้น โดยการวิ่งครั้งนี้ เราโชคดีนักวิ่งไม่มากเกินไป จึงได้ภาพมาพอสมควร เดิน วิ่ง ถ่ายภาพตลอดทาง มาถึงเส้นชัยแทบไม่รู้ตัว มีเพื่อนๆรอรับ เราได้รับเหรียญที่ระลึก แต่เรามักจะเรียกมันว่า เหรียญอดทน เพราะคือการทดสอบความอดทน ความพร้อมของร่างกายว่าเราสามารถผ่านความเหน็ดเหนื่อยได้ ที่จริงก็แค่ 5 กิโลเมตร แต่เราคิดว่ามันคือการพิสูจน์ความเข้มแข็งทางด้านร่างกายและจิตใจของเรา ว่าจะแน่นอนแค่ไหน และเราก็สามารถผ่านมาได้ทุกงาน เพราะถ้าไม่ผ่าน นั่นคือการรีเฟอร์ ไปโรงพยาบาลนั่นเอง และเรายังคงจะเป็นนักวิ่ง FUN RUN ไปอีกหลายรายการ วิ่งเบาๆ เอาบรรยากาศ สุขภาพแข็งแรง FUN RUN .