"ผมอยู่ตี้บ้านต้นเกว๋นเน้อครับ" เป็นสิ่งที่ผมตอบเวลามีคนถามที่อยู่ และส่วนมากมักจะถามซ้ำเพราะการออกเสียง "เกว๋น" นั้นยากสำหรับบางคนซึ่งออกเสียงเพี้ยนเป็น "เกวี๋ยน" หรือ "แกว๋น" ไม่เชื่อผู้อ่านลองออกเสียงดูก็ได้นะครับ ครั้นผมมาอยู่กรุงเทพหลายปีทำให้นึกถึงบ้าน ถึงตัวจะอยู่ไกลแต่ใจก็คิดถึง... แต่ไม่ได้คิดถึงเขาจนต้องแอบเหงาข้างเดียวนะครับ คิดถึงบ้านจริง ๆ จึงอยากมาเล่าเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่บ้านกันสักหน่อย จะได้บอกว่าบ้านผมก็มีดีเหมือนกันนะครับ "ต้นเกว๋น ต้นอะไร..." ผู้อ่านหลายท่านอาจไม่รู้จัก ต้นเกว๋นเป็นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง ภาษากลางเรียก "ตะขบ" ผลจะมีสีออกดำ กินได้ รสชาติค่อนข้างฝาด เดี๋ยวนี้หาทานยากครับ ขนาดผมคนในท้องถิ่นยังเคยทานแค่ครั้งสองครั้งในชีวิตเองครับ เล่ากันว่าเมื่อก่อนบริเวณเขตแถวนี้มีต้นเกว๋นเยอะจึงตั้งชื่อหมู่บ้านต้นเกว๋น ปัจจุบันเหลือเพียงหนึ่งเดียวในหมู่บ้าน ตำบล แต่อำเภอผมยังไม่แน่ใจเพราะยังไม่ได้เลิกคุยทั้งอำเภอ...โดยต้นที่เหลือนั้นตั้งอยู่ที่วัดต้นเกว๋นเชียงใหม่ครับ “วัดต้นเกว๋น” มีชื่อทางการ “วัดอินทราวาส” ตามชื่อของครูบาอินทร์ผู้สร้างวัด เป็นวัดเก่าแก่อายุหลายร้อยปีละครับ สร้างในสมัยเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ผู้ครองเมืองเชียงใหม่ ในอดีตมีความสำคัญเนื่องจากเชียงใหม่มีประเพณีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากวัดจอมทองไปสักการะบูชาในตัวเมือง ขบวนจะมีการหยุดพักที่วัดแห่งนี้และให้ประชาชนได้สรงน้ำพระธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคล ด้วยเหตุแห่งความศรัทธานี้เอง วัดจึงถูกออกแบบสถาปัตยกรรมอย่างงดงาม โดยล่าสุดก็มีการฟื้นฟูประเพณีดังกล่าวเนื่องในโอกาสครบเจ็ดร้อยยี่สิบปีเชียงใหม่ในปี 2559 ซึ่งมีผู้คนเข้าร่วมงานจำนวนมาก ขอบคุณภาพจาก: https://www.facebook.com/1058043177575419/photos/pcb.1741704755875921/1741704659209264/?type=3&theater เมื่อเดินเข้ามาภายในเขตวัดสิ่งแรกที่ท่านจะได้คือพับกบ! ไม่ใช่ละครับ พบกับต้นตาลสูงสง่าโดดเด่นจำนวนหลายต้นด้วยกัน สร้างความร่มรื่นให้กับเขตอาราม ประตูทางเข้าหน้าวัดตกแต่งด้วยสิงห์ปูนปั้นสองตัวติดกับกำแพงอิฐ ตรงกลางจะเห็นวิหารทรงล้านนาล้อมรอบด้วยศาลาบาตร ด้านล่างของวิหารเป็นปูนส่วนด้านบนเป็นไม้ มีลวดลายแกะสลักบรรจงอย่างวิจิตรสวยงาม ภายในวิหารมีพระประธาน พระรองประธาน แต่ไม่รู้ว่ามีพระกรรมการหรือเปล่าผมก็ชักไม่แน่ใจ...ด้านหลังพระประธานมีพระพิมพ์องค์เล็ก ๆ จำนวนหลายร้อยกว่าองค์ ปัจจุบันได้หลุดไปแล้วตามกาลเวลา ซ้ายมือจะเห็นธรรมาสน์แบบล้านนาซึ่งผมเห็นว่าเป็นลำโพงแบบไม่ใช้ไฟดี ๆ นั่นเองครับ เวลาพระจะลงไปเทศน์ก็เดินลงไปในธรรมาสน์ พอเริ่มเปล่งเสียงก็จะได้ยินก้องกังวานครับ ส่วนหน้าต่างของวัดก็มีความพิเศษ ซึ่งใช้ทักษะความชำนาญของช่างไม้เป็นบานเลื่อนเปิดปิด ไม่ต้องมีรางเลื่อนหรือเหล็กพับก็สามารถทรงตัวและใช้งานได้อย่างดี ขอบคุณภาพจาก: https://pantip.com/topic/36621657%20 สถาปัตยกรรมอีกอย่างหนึ่งคือมณฑปจตุรมุขซึ่งสร้างไว้เพื่อเป็นที่พักสรงน้ำพระธาตุ ออกแบบเปิดโล่งทุกด้าน หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินขอ เป็นหลังคาซ้อนกันสองชั้นครับซึ่งมีแห่งเดียวในภาคเหนือ นอกจากนี้แล้วยังโบราณสถานที่มีความสำคัญอีกหลายอย่าง เช่น รินรองน้ำอบเพื่อใช้ทรงน้ำพระธาตุ เสลี่ยงสำหรับหามบั้งไฟถวายเป็นพุทธบูชา และกลองโยนหรือกลองปู่จา อ๋อ เกือบลืมไป ผมมีความลับจะบอก ถ้าผมรู้โลกต้องรู้...สถาปัตยกรรมทั้งหมดไม่ได้ใช้เหล็กหรือตะปูสักตัว! แต่อาศัยการทำร่องเข้าไม้ให้พอเหมาะกัน นี่ละครับภูมิปัญญาอันเยี่ยมยอดของคนสมัยโบราณ และด้วยความโดดเด่นของวัดจึงได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในปี 2532 เป็นต้นแบบของวิหารหอคำหลวงในมหกรรมพืชสวนโลก และยังมีภาพยนตร์ละครหลายเรื่องมาถ่ายทำ เช่น เมื่อดอกรักบาน รากนครา เพลิงพลางเทียน และกลิ่นกาสะลองอีกด้วยครับ “แม้ว่าคุณจะเปลี่ยนแปลงไป แต่หัวใจผมจะไม่เปลี่ยนแปลง...” อย่าพึ่งคลื่นไส้หรืออาเจียนกันก่อนนะครับ ฟังทางนี้ให้ดี สิ่งที่ผมอยากบอกคือวัดต้นเกว๋นแม้สิ่งแวดล้อมภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ยังคงสภาพเดิมได้อย่างสวยงาม วัดได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานของกรมศิลปากรเพื่อช่วยดูและบูรณะ กลับบ้านทีไรผมก็มักจะแวะไปกราบพระทุกครั้ง พื้นที่ภายในวัดยังสงบ เงียบ ลานทรายยังทำหน้าที่ล้อมรอบวิหารราวปราสาทบนสรวงสวรรค์ เหมาะแก่การฝึกสมาธิเดินจงกลม และที่สำคัญอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่ไกลนัก จากสนามบินเชียงใหม่เดินทางเพียงแค่สิบห้านาที สามารถมาทางถนนเลียบคลองชลประทาน พอถึงสี่แยกต้นเกว๋นให้ตรงมาทางขึ้นอำเภอสะเมิง ขับช้า ๆ สักสองร้อยเมตร เลี้ยวซ้ายก็จะถึงสถาปัตยกรรมอันงดงามและทรงคุณค่าแห่งนี้ ทั้งยังสามารถเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวอื่นซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันได้ ไม่ว่าจะเป็น พืชสวนโลก เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี วัดดอยคำ วัดอุโมงค์ ด้วยครับ จึงอยากให้ทุกท่านมาเยี่ยมชม กราบไหว้พระทำบุญที่วัด มาพักกาย พักใจให้สงบ เติมพลังในวันหยุด คนเรา “เหนื่อยก็พอ ท้อก็พัก หนักก็วาง” นะครับ สาธุ 😊 😊😊