เจ้าหงิญ เป็นหนังสือที่นำโลกของจินตนาการมาผสมกับโลกของความเป็นจริงโดยใช้รูปแบบนิทาน เสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนรู้ประสบการณ์ทางอารมณ์และการเผชิญกับปัญหาและอุปสรรค การแสวงหาความหมายและความสุขของชีวิต แต่ด้วยความเขลาของมนุษย์ จึงดิ้นรนและหลงในมายา ในที่สุด ผู้อ่านจจะได้รับรู้ว่าในโลกของความเป็นจริงนั้น มีหลากหลายทางเลือกที่จะนำไปสู่วิถีชีวิตที่เรียบง่ายและพอดีรูปร่างหน้าตา ใครที่เคยไปงานสัปดาห์หนังสือ จะรู้ว่าการหาหนังสือเล่มหนึ่ง หรือการเลือกหนังสือที่ไม่รู้จักมาก่อน อาจเป็นเรื่องที่ยากมาก ผมไปเดินสัปดาห์หนังสือจนตาลายก็ยังไม่ได้หนังสือที่เป็นหนังสือใหม่ของผม ที่ซื้อมาก็มีแต่เรื่องที่ตัวเองได้อยากได้ แต่ผมต้องการหนังสือที่ผมคิดว่าเป็นเหมือนเนื้อคู่ที่อยู่ดีๆจะเจอกัน โดยที่เราไม่ต้องวางแผนใดๆเลย ในระหว่างที่ผมจะกลับ ได้เหลือบไปเห็นกองหนังสือกองหนึ่ง ที่ด้านบนนั้นมีหนังสือที่มีรูปร่างหน้าตาน่ารัก เหมือนนิทานที่อ่านในตอนเด็กๆ ที่มีรูปเจ้าหญิง ไดโนเสาร์ ภูเขา ปราสาท ก้อนเมฆ และปลาที่อยู่บนท้องฟ้า ทำให้ผมประหลาดใจกับการออกแบบหนังสือเล่มนี้ ในระหว่างนั้น ตาผมก็เหลือบไปเห็นรางวัลที่หนังสือเล่มนี้ได้มา คือ “THE S.E.A.WRITE AWARD 2548” ทำให้ผมไม่รอช้ารีบนำหนังสือเล่มนี้เข้าคลังส่วนตัวทันที ภายในหนังสีจะมีสีขาวดำ ทุกบทจะมีภาพประกอบ เป็นรูปแบบลายเส้นการ์ตูนน่ารัก และสอดคล้องกับทุกบท ทุกตอน ทำให้เป็นการเพิ่มอรรถรสในการอ่านได้เป็นอย่างดีสาระสำคัญ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวมเรื่องสั้นทั้ง 8 เรื่องไม่ได้มีการเกี่ยวโยงกัน แต่ด้วยการเรียงร้อยเข้าด้วยกัน ทำให้เรื่องสั้นแต่ละเรื่องกลายเป็นเรื่องยาว เป็นนิทานซ้อนนิทาน ที่เรื่องต้นกับเรื่องท้ายมาบรรจบกันอย่างแนบเนียน ผู้ประพันธ์สร้างตัวละครที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ หรือสิ่งของ ในการอ่าน ผู้อ่านจะรู้สึกถึงความอ่อนหวานและอ่อนโยนจากภาษา ทำให้เรารู้ว่าในโลกความเป็นจริงชีวิตไม่ได้เป็นอะไรทั้งหวังหากดำรงอยู่ได้อย่างสันติก็ได้พลังของความดีงาม ซึ่งจุดนี้จะไปกระตุ้นจิตใต้สำนึกของพวกอ่านในแง่ดีความประทับใจ สำหรับเนื้อหาที่ผมประทับใจมากๆเลยในหนังสือเล่มนี้คงหนีไม่พ้น “เก้าอี้ดนตรี” ในเรื่องนี้มีตัวละครหลักเพียง 2 ตัวโดยตัวแรกคือเก้าอี้ ที่เกิดจากการสร้างของชายผู้หนึ่ง เป็นเก้าอี้ที่สวยที่สุดเมื่อสร้างเสร็จแล้วเขาจึงนำออกมาขาย ผู้คนที่เห็นเก้าอี้ตัวนี้ ก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเก้าอี้ตัวนี้สวยงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ไม่นานนักเก้าอี้ตัวนี้ก็ถูกซื้อโดยครูใหญ่ของโรงเรียนประจำเมือง และบอกว่าจะนำไปเป็นเก้าอี้ดนตรี เก้าอี้ตัวนี้ดีใจมาก เพราะมันชอบเสียงเพลง พอดีเห็นว่าจะได้ไปเป็นเก้าอี้ดนตรี มันก็ดีใจและรอเวลาอย่างใจจดใจจ่อที่จะไปถึงที่หมาย เมื่อไปถึงเขาก็กับเด็กมากมายที่รอคอยเก้าอี้ใหม่อยู่ เก้าอี้ถูกจัดเป็นวงกลมอยู่ร่วมกับเก้าอี้เก่าหลายตัว เก้าอี้ทุกตัวมีสีหน้าที่ไม่มีความสุข แต่เก้าอี้ใหม่ก็ไม่ได้สนใจด้วยความตื่นเต้นอยากรู้ว่าเก้าอี้ดนตรีคืออะไร จึงไม่ได้สนใจสิ่งต่างๆ จนเมื่อเสียงเพลงบรรเลงขึ้นเก้าอี้ใหม่ก็ขยับตัวตามจังหวะเพลงเบาๆ อย่างมีความสุข ผ่านไปไม่นานเสียงเพลงนั้นถูกตัดลง เด็กที่ยืนล้อมเก้าอี้ ก็ต่างพากันวิ่งกรูเข้ามาที่เก้าอี้แต่ละตัว จังหวะนั้นมีเด็กหญิงร่างผอมคนหนึ่งกำลังจะนั่งเก้าอี้ใหม่ แต่ก็ถูกเด็กร่างอ้วนกระแทกกระเด็นออกไปตกลงไปที่พื้น เด็กร่างอ้วนคนนั้น นั่งลงบนอย่างเต็มแรง ทำให้เก้าอี้จุกและเพียงครั้งเดียวเก้าอี้ก็รู้ถึง “กติกา” ของเก้าอี้ดนตรี มันเริ่มไม่พอใจ และเริ่มไม่อยากเป็นเก้าอี้ดนตรี มันจึงแกล้งเด็กๆด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พับขาก็ให้เด็กล้ม หรือเอาตะปูเกี่ยวกางเกงของเด็กที่มานั่ง เด็กๆจึงบอกว่าเก้าอี้ตัวนี้เป็นเก้าอี้ที่ไม่ดี และทุบตี โยนออกจากโรงเรียน ในวันหนึ่งมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งร่างผอมเล็กไม่เคยได้นั่งเก้าอี้ดนตรีสักครั้ง เจอกับเก้าอี้ตัวนี้จึงเก็บเก้าอี้ตัวนี้กลับไปที่บ้านและไปดูแลบำรุงรักษา ในตอนนั้นก็มันหมดอะไรตายอยากไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ไม่นานเด็กคนนี้ก็ซ่อมเก้าอี้เสร็จและขึ้นไปนั่งเก้าอี้ เก้าอี้กลับได้ยินเสียงเพลงที่ไม่มีการขัดจังหวะนี้ตัดเหมือนตอนที่เป็นเก้าอี้ดนตรี เก้าอี้จึงสังเกตที่มาของเสียงก็คือ เด็กคนที่นั่งบนเก้าอี้กำลังร้องเพลงออกมาซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองนั้นชอบ เก้าอี้ดนตรีจึงบอกกับตัวเองว่ามันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปตราบใดที่ยังมีเจ้าหญิงของมันนั่งอยู่ตรงนี้มันนี่แหละคือเก้าอี้ดนตรีที่แท้จริง สิ่งที่ผมชอบจากเรื่องนี้คือการที่ผู้เขียนพยายามสื่อในรูปแบบของสิ่งของที่ไม่มีชีวิตให้มีความรู้สึกนึกคิดมันทำให้เราเห็นมุมที่แตกต่าง หลังจากอ่านจบมันสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า บนโลกใบนี้มีมุมที่แตกต่างจากที่เรามองอยู่มากมาย เหมือนกับการที่เก้าอี้ดนตรีคนที่เล่นก็เพียงเพื่อเอาชนะโดยการนั่งลงไปหรือผลักคนอื่นให้ล้มลง แต่ถ้าเราลองมองในมุมของคนอื่น คุณจะรู้ได้เลยว่ามันมีความแตกต่างในเรื่องเดียวกันมากแค่ไหนก่อนลา ไปอ่าน เจ้าหงิญ เป็นนิทานที่น่าอ่านมาก สำหรับตัวผมให้อยู่ที่ 8 คะแนน หนังสือเล่มนี้มีจุดที่ผู้อ่านบางคนเข้าไม่ถึงหรือใช้เวลาก็คือรูปแบบการเขียน ที่มีรายละเอียดมาก มีการใช้ข้อความที่สวยงาม แต่อ่านยากบางข้อความต้องกลับมาอ่านซ้ำถึงจะเข้าใจ แต่ผมมองว่ามันเป็นเสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้ ที่หนังสืออีกหลายเล่มไม่มีและเป็นอีกช่องทางสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกทักษะด้านการอ่าน ในเรื่องของการออกแบบหนังสือหรือรูปภาพประกอบ ผมคิดว่าดีมากๆมีความสอดคล้องกัน มีความเป็นนิทาน มีแรงจูงใจน่าอ่าน เมื่อพูดถึงภายในเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ มันเป็นเรื่องที่ทรงคุณค่าทุกเรื่อง มีคติคำสอนต่างๆในเรื่อ เมื่ออ่านจบเราจะเข้าใจความหมายหรือสิ่งที่นำสือพยานจะสื่อ ว่าจริงๆแล้วในแต่ละบทมันสามารถเปรียบเทียบกับตัวเราในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน สุดท้ายคำพูดที่ผมชอบจากหนังสือเล่มนี้คือ “นิทานไม่ใช่เรื่องหลอกเด็ก แต่การให้ความสำคัญผิดๆ กับชีวิตต่างหาก ที่หลอกผู้ใหญ่อย่างเรา”