อื่นๆ

จำเนียร

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
จำเนียร

เพราะความจนจึงทำให้จำเนียรไม่อาจจะขัดขืนสิ่งใดกับโชคชะตาได้ เพียงเพราะต้องการบ้านเช่าที่ราคาถูกเพียงพอต่อการซุกหัวนอนของสามคนพ่อแม่ลูก และเพื่อที่จะหาช่องทางขายน้ำเต้าหู้ อันเป็นความรู้เดียวที่ได้รับจากแม่ผู้ล่วงลับ ทำให้เธอและครอบครัวตัดสินใจจะเช่าบ้านหลังนี้ในราคาที่แสนถูก แม้จะรู้ว่าบ้านหลังนี้มีประวัติที่น่ากลัวเพียงใด

บ้านไม้หลังเดี่ยวในพื้นที่ประมาณแปดสิบตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด สองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ ในราคาเช่าเดือนละหนึ่งพันห้าร้อยบาท คือทางออกที่ดีที่สุด แม้เพื่อนบ้านจะมองเธอแปลกๆ ยามที่เธอย้ายเข้ามาอาศัย แต่จำเนียรก็ไม่ได้สนใจ เพราะเธอมั่นใจว่าการประพฤติดีของเธอจะทำให้เจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือนคุ้มครองเธอและครอบครัว โดยไม่สนใจว่าเคยมีคนผูกคอตายในบ้านหลังนี้ และนั่นคือหนึ่งในสองห้องนอนที่ถูกปิดเอาไว้พร้อมกับผ้ายันต์ผืนใหญ่ที่บานประตู

Advertisement

Advertisement

ห้องนอนทั้งสองห้องนั้นหันหน้าเข้าหากัน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมองเห็นบานประตูที่ปิดตายนั้นทุกค่ำเช้า เธอจึงนำผ้าม่านมาปิดเอาไว้ในคืนแรกที่เข้าอยู่อาศัย หลังจากจุดธูปกลางแจ้งบอกฟ้าบอกดินเรียบร้อยแล้ว ทว่าวันรุ่งขึ้น มันก็หลุดร่วง และไม่ว่าจะติดอย่างไรมันก็ยังคงร่วงหลุด แม้สามีจะเอาตะปูมาตอกสี่มุมขึงไว้ก็ตาม รุ่งเช้า ม่านผืนนั้นก็จะร่วงลงอยู่กับพื้น พร้อมกับรอยขาดที่ม่านประหนึ่งถูกดึงและฉุดกระชาก ทั้งครอบครัวจึงพบกันครึ่งทาง ไม่ปิด แค่เลี่ยงจะไม่มองมันไม่ว่าเวลาใด

วันดีคืนดีเสียหมาก็จะหอนขึ้นที่หน้าบ้าน ยามเธอลุกขึ้นไปมองก็พบว่ามีหมาเกือบสิบๆ ตัวที่มารวมตัวกันเห่าหอนใส่หน้าบ้านเธอ ทั้งที่เธอเองก็พยายามทำทุกๆ อย่าง ทั้งเซ่น กราบไหว้ และทำตัวดีๆ แต่มันก็ไม่ได้ผล เธอเล่าว่าบางค่ำคืนนั้นจะได้ยินเสียงขื่อลั่น บ้านทั้งหลังยวบไหว และเพราะคำบอกเล่าก่อนหน้า ทำให้เธอมักจินตนาการว่ามันคือการที่ใครสักคนผูกคอแล้วทิ้งตัวลงสู่พื้น แต่เธอยังมีเงินไม่มากพอจะย้าย จึงตั้งใจว่าทนขายของสักสามเดือนตามที่วางเงินเอาไว้ก่อน เพราะเธอกลัวสุขภาพจิตลูกชายวัยเก้าขวบจะแย่เอาแม้ว่าชาวบ้านจะเตือนและขอให้เธอออกมาก็ตาม

Advertisement

Advertisement

คืนวันโกนคืนหนึ่ง จำเนียรลุกขึ้นมาตอนดึก เพราะเธอคิดว่าลูกชายไม่สบายหรือเป็นอะไร เสียงร้องไห้จึงแว่วขึ้นในความมืด แต่ปรากฏว่าลูกชายและสามีของเธอนั้นหลับสนิท แต่เสียงร้องไห้ดังขึ้นในบ้าน เธอกลัว แต่เธอเองก็อยากรู้ว่ามันคืออะไร มันดังมาจากฝั่งตรงข้ามของบานประตู แว่วจากห้องตรงข้ามห้องนั้น

จำเนียรแง้มประตูออกช้าๆ ก่อนจะพบภาพที่ทำให้เธอแทบล้มทั้งยืน บานประตูปิดตายที่ปกตินั้นจะมีกุญแจล็อคอยู่ มันกลับเปิดกว้าง พร้อมทั้งภาพภายในนั้น หญิงสาวคนหนึ่ง หน้าตาสะสวย เธอนั่งรองไห้อยู่บนเตียงด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวคุลมถึงต้นขา มือซ้ายกำแน่น มือขวาถือมีดเล่มเล็กไว้ สองมือสั่นเทา พร้อมกับเสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

จำเนียรรู้แล้วว่าภาพที่เธอเห็นไม่ใช่คนแน่แท้ หญิงสาวข่มความกลัว ท่องนะโมในใจ หมายจะปิดประตูเพื่อกลับเข้ามาข่มตานอน แต่ร่างกายเธอกลับชาไปทั้งตัว พร้อมทั้งหญิงสาวคนนั้นที่หันมามองเธอด้วยสภาพซีกหน้าอีกข้างนั้นเน่าเฟะเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

Advertisement

Advertisement

“อยากเห็นเหรอ ?” น้ำเสียงนั้นสะท้อนก้อง น้ำตาจำเนียรไหลจรดพื้น แต่เธอเล่าว่าไม่สามารถหันหน้าหนีได้เลยจริงๆ แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงตึงตังดังขึ้นมาจากอีกทาง เธอเห็นชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้อง เกิดมีปากเสียงกัน หญิงสาวแทงชายคนนั้นจนสุดความยาวมีด ก่อนที่เธอจะพลาดท่าแล้วโดนจับกดหน้าด้วยหมอนจะทั่งแน่นิ่ง ชายหนุ่มลุกขึ้น กุมแผลที่หน้าท้อง แล้วหันซ้ายมองขวา ก่อนจะวิ่งออกไปและกลับออกมาอีกครั้งพร้อมเชือกไนล่อน เขาจัดการอำพรางศพของอีกฝ่ายด้วยการจับแขวนคอ แล้วในตอนที่จะเดินจากมา คงด้วยความที่เสียเลือดมาก เขาจึงล้มลงที่หน้าประตูนั้นแล้วแน่นิ่งไป

จำเนียรกรีดร้องลั่นก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา พร้อมด้วยสามีและลูกที่ตกใจงัวเงียขึ้นมา...ความฝัน ความฝันที่ทำให้เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และมันก็ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของบ้านโกหก ไม่ได้มีคนแขวนคอตาย...แต่เป็นการฆ่ากันตาย ไม่ว่ามันจะเกิดมานานแค่ไหนก็ตามแต่ บ้านหลังนี้ไม่ได้มีคนตายแค่คนเดียว

แล้วหลังจากนั้นวันเวลาผ่านไป ทุกๆ วันโกน ใครสักคนในครอบครัวเธอก็จะได้ยินเสียงปริศนา ได้ยินเสียงร้องไห้ ได้ยินเสียงตึงตังในห้องนั้น กระทั่งลูกชายของเธอรับสภาพไม่ไหวแล้ว เขาไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้อีกแล้ว

“หนูไม่อยากโดนผีหลอกครับ หนูกลัว” เสียงของลูกน้อยทำให้เธอต้องตัดสินใจที่จะออกจากที่นี่โดยไม่สนใจเงินมัดจำไม่กี่พันนั่น

ด้วยบุญพาวาสนาส่ง ต้นเดือนถัดมา เธอถูกหวยใต้ดินสามตัวตรงๆ จากเลขทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ของเธอ เธอได้เงินหลายหมื่นบาท มันพอตั้งตัวได้ และตัดสินใจแน่นอนว่ารุ่งเช้า เธอจะย้ายออกจากที่นี่ทันทีโดยยกมัดจำให้เป็นผลประโยชน์กับเจ้าบ้านไป

โบราณกล่าวไว้ว่าบุญมีแต่กรรมบัง คืนต่อมาเธอมีงานเหมาน้ำเต้าหู้ไปแจกในงานสัมมนาที่โรงแรมใกล้ๆ และเมื่อเธอกลับมาก็พบว่าสามีและลูกชายของเธอถูกฆ่าตายนอนกอดกันจมกองเลือดอย่างสยดสยอง พร้อมทั้งบ้านช่องก็ถูกรื้อค้นจนทั่ว แน่นอนว่าเงินจากการถูกหวยใต้ดินนั้นถูกขโมยไป จำเนียรคลั่งจนแทบเสียสติ เมื่อเห็นภาพดวงใจทั้งสองถูกพรากไปต่อหน้า เธอกรีดร้องจนเพื่อนบ้านตื่นและเข้ามาช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าเมื่อเพื่อนบ้านเข้ามาถึงก็เห็นว่าจำเนียรกำลังดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมานเนื่องด้วยเธอผูกคอหมายตายตามสามีและลูกไป แต่เธอก็ถูกช่วยเหลือเอาไว้ได้ ส่วนคนร้ายที่ฆ่าทั้งสองคนก็เป็นขี้ยาต่างหมู่บ้านที่รู้เรื่องเงินนั่นเอง

จำเนียรไม่มีญาติมิตรที่ไหนแล้ว เธอถูกรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลระยะหนึ่ง ก่อนที่เธอจะกลายเป็นคนเสียจริตไปเพราะภาพบาดตา เธอมักร้องโวยวายทวงถามหาลูกชายและสามีของเธอทุกค่ำคืน

หลังจากเธอออกจากโรงพยาบาล เธอก็ยกรถเข็นให้คนอื่นไปแล้วไปใช้ชีวิตอยู่วัด ก่อนที่จะกลายเป็นคนวิกลจริตไปเรื่อยๆ จากวันนั้นจนวันนี้ที่ได้รับฟังจากปากป้าของผม...จำเนียรยังคงใช้ชีวิตเดินไปมาในหมู่บ้าน ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าหม่นเศร้าตลอดเวลา ร้องหาผัวกับลูกทั้งวัน ยามค่ำคืนก็มักจะมายืนกอดรั้วบ้านหลังนั้นที่กลายเป็นบ้านร้าง ตะโกนเรียกลูกและสามีของเธอ แต่กลับไม่มีการตอบกลับใดๆ จากอดีตที่เคยสุขสมภายใน เพราะเธอโทษตัวเอง เป็นต้นเหตุทำให้ลูกและสามีตาย หากวันนั้นเธอยอมให้ทั้งสองไปช่วย คงไม่เกิดเหตุนี้

แต่สำหรับเพื่อนบ้าน ทั้งสองฝั่งย้ายออกไปในเวลาต่อมา เพราะได้ยินเสียงกรีดร้องปะปนกันไปทั่ว ยิ่งวันโกนวันพระ ก็จะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังตลอดแทบทั้งคืน และสำหรับคนที่ไม่รู้จัก หากสัญจรผ่านก็มักจะเห็นเงาพ่อลูกโบกมือเรียกร้องขอความช่วยเหลือท่ามกลางแสงไฟสลัว ทั้งที่ไฟบ้านนั้นถูกตัดไปแล้ว

กระทั่งปัจจุบัน ป้ายังเล่าให้ฟังเสริมอีกว่าแม้จะผ่านมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว ความเฮี้ยนของบ้านนั้นยังคงไม่ลดละ อีกทั้งเจ้าบ้านหลังนั้นก็หายสาบสูญ ไม่มีใครรู้ว่าจะทุบทิ้งหรือจะขาย...มันจึงกลายเป็นบ้านร้างใต้ร่มไม้ที่ดูน่าวังเวงทั้งกลางวันและกลางคืน...

หากเพียงจำเนียรคนเดียวเท่านั้นที่มองว่ามันคือสวรรค์

จนกว่าเธอจะตายจากไป

เพื่อพบกับบุคคลอันเป็นที่รัก

จบ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์