ช่วงนี้เป็นช่วงที่หลายคนอยากจะถอยออกมาจากเมืองหลวงที่มีแต่เรื่องให้ต้องกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพอากาศที่ไม่ค่อยดี กับฝุ่นละออง PM2.5 ที่สร้างปัญหาให้เป็นอย่างมากสำหรับคนใช้ชีวิตในเมื่องหลวงเขตเศรษฐกิจไทย และล่าสุดก็โรคระบาดจากประเทศมหาอำนาจเอเชียอย่างจีน ที่ถูกจับตามองและเฝ้าระวังจากไวรัส โคโรน่า ที่ยังไม่มีวัคซีนรักษา และ ยังมีข่าวไปในทางลบลงไปเรื่อยๆซึ่งไทยเราก็ได้รับผลกระทบไปด้วย จนทำให้หลายคนต้องหาเวลาว่างออกมาปรับสมดุลร่างกายและจิตรใจในต่างจังหวัดหาเวลาพักผ่อนหลีกหนีจากปัญหาต่างๆที่ถาโถมเข้ามาตั้งแต่ต้นปีเลยทีเดียว เอาละเปิดหัวมาก็พาเครียดแล้วทีนี้กลับมาเข้าเรื่องราวที่ผมเอามาฝากดีกว่าเป็นเรื่องราวการเดินทางที่เต็มไปด้วยความอิ่มกายอิ่มใจ เพื่อให้ผู้อ่านได้ผ่อนคลายกันบ้าง พักเรื่องราวและปัญหามาที่เมืองยโสธร ยโสธร เป็นจังหวัดที่มีประเพณีการปฏิบัติสืบเนื่องกันมาอย่างยาวนาน มีประเพณีที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อ และวิถีชีวิตของชาวยโสธร ซึ่งมีความเชื่อว่าโลกนั้นประกอบด้วย โลกมนุษย์ โลกเทวดา และโลกบาดาล โดยโลกมนุษย์อยู่ภายใต้อิทธิพลของโลกเทวดาซึ่งขาวอีสานเรียกเทวดาว่าพญาแถน และจุดที่ผมไปเป็นอันดับแรกนั้นแน่นอนเรียกว่าเป็นแลนด์มาร์คที่ใครมายโสธรต้องมาเช็คอินถ่ายรูปโดยมีข้อมูลคร่าวๆมาฝากด้วย วิมานพญาแถน” เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญของจังหวัด ซึ่งภายในวิมานพญาแถนนั้นประกอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่สะท้อนถึงตำนานบุญบั้งไฟของยโสธร คือ อาคารวิมานพญาแถน อาคารพญานาค อาคารพญาคันคาก และประติมากรรมขบวนแห่บั้งไฟ สำหรับอาคารพญาคันคากที่เป็นจุดสนใจของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมานั้น สร้างขึ้นเป็นรูปร่างพญาคันคาก ตัวใหญ่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยโสธรเป็นเมืองเก่าแก่ของไทย แน่นอนศิลปะวัฒนธรรมก็เช่นกันดูได้จากสถานที่ในรอบๆเมืองนั้นดูสวยงามมีมนต์ขลังเงียบสงบได้บรรยากาศเมืองโบราณและน่าอยู่มาก สถานที่สำคัญในเมืองยโสธรยังมีอีกหลายที่ที่น่าไป เช่นวัดเก่าที่มีทั้งอารามหลวงที่มีประวัติยาวนานน่าสนใจเป็นอย่างมาก ใครที่มองหาสถานที่สงบร่มเย็น ที่ยโสธรคงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกอันดับตั้นเลยก็ว่าได้ อยากให้ทุกคนลองไปเที่ยวกัน หวังว่าทุกคนจะชอบเมืองนี้อย่างที่ผมชอบ ท้ายนี้ขอให้ทุกคนมีควาทสุข ความเจริญ และความสงบร่มเย็น แล้วพบกันใหม่ สวัสดี ภาพจาก : จุงชาวไร่