ภาพปกโดยผู้เขียน ในบทความที่เป็นความเป็นมาโดยสังเขป ผมได้เล่าถึงอดีตหรือความเป็นมาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของวัดพระแท่น วัดประจำบ้านแดง อำเภอพิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันเท่าไหร่นัก ดังนั้น บทความนี้ผมจึงอาสาพาไปเดินชมวัดแห่งนี้ว่ามีความน่าสนใจมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม หากว่ากันตามตรง ถ้าจะให้อินกว่านี้ ผมแนะนำให้ไปอ่านประวัติความเป็นมาของหลวงปู่พิบูลย์ก่อนนะครับ ซึ่งมีอยู่ให้อ่านกันทั่วไป แต่ถึงกระนั้นก็ขอให้เสพข้อมูลอย่างระมัดระวังด้วยนะครับ ขับรถออกจากตัวจังหวัดอุดรฯ ไปทางตำบลสามพร้าว แล้วจะมีป้ายบอกทางให้ไปอำเภอพิบูลย์รักษ์ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร พอถึงวัดพระแท่น จะเห็นรูปเหมือนของหลวงปู่พิบูลย์ตั้งอยู่ นั่นหล่ะครับ รออะไร ลงไปนมัสการท่านก่อน และค่อยเดินเล่นครับ ภาพโดยผู้เขียน ด้านหลังของรูปเหมือนจะเป็นพระบรมธาตุ ซึ่งบรรจุอัฏฐิของหลวงปู่เอาไว้ โดยพระบรมธาตุนี้ถูกบูรณะขึ้นใหม่เมื่อปีที่แล้วนี่เอง ภาพโดยผู้เขียน ถัดไปอีกสักหน่อยจะเป็นหอไตย ซึ่งด้านในมีรูปเหมือนขนาดเท่าตัวจริงของหลวงปู่พิบูลย์ประดิษฐานอยู่ และในนี้เองก็มีทั้งประวัติของหมู่บ้าน ความเป็นมาของหลวงปู่ รวมไปถึงภาพวาดเล่าถึงพุทธประวัติ และสวรรค์-นรกอยู่ด้วย ภาพโดยผู้เขียน อีกฝั่งหนึ่งของวัด จะมีองค์พระประธานตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ซึ่งด้านในก็จะรูปเหมือนของหลวงปู่ท่านอื่น ๆ ที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวอำเภอพิบูลย์รักษ์ ภาพโดยผู้เขียน ตามจริงแล้ว บุคคลสำคัญที่ชาวบ้านเคารพ ศรัทธานั้นมีอีก 2 ท่าน นั่นคือ หลวงปู่โชติ ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์สายตรงที่หลวงปู่พิบูลย์บวชให้ พร้อมทั้งสืบทอดวิชาอาคมต่าง ๆ ของท่านเอาไว้ นอกจากนั้น ท่านยังเป็นผู้พาชาวบ้านพัฒนาบ้านเมืองหลังจากที่หลวงปู่พิบูลย์ไม่ได้อยู่ที่วัดนี้แล้ว ภาพโดยผู้เขียน ส่วนอีกท่านหนึ่งคือ หลวงพ่อผมยาว (ติ่ง) เอาจริง ๆ สำหรับท่านนี้ ท่านไม่ได้บวชนะครับ แต่ในสมัยนั้นมีเหตุให้หลวงปู่พิบูลย์ช่วยเหลือท่านเอาไว้ ว่ากันว่าท่านสำเร็จวิชาธรรมใหญ่ 500 ชาติ ซึ่งมีข้อห้ามอยู่ว่าห้ามพูดคุยกับคนอื่นเป็นเวลากว่า 10 ปี จึงจะสามารถสำเร็จวิชานี้ได้ ดังนั้น ท่านจึงถูกมองว่าเป็นคนเสียสติ และถูกชาวบ้านใส่ร้ายอยู่เป็นประจำ ภาพโดยผู้เขียน อย่างไรก็ตาม พระพุทธรูปอีกรูปหนึ่งชาวบ้านนับถือ นั่นคือ พระบาง ซึ่งขุดพบเมื่อครั้งที่มีการพัฒนาฝ้ายกักเก็บน้ำในหมู่บ้าน ดังนั้น จึงไม่มีใครบอกถึงประวัติพระพุทธรูปนี้ได้อย่างชัดเจน ทว่าชาวบ้านเชื่อว่าท่านเป็นผู้ทำให้ฝนตกอย่างถูกต้องตามฤดูกาล โดยในเทศกาลสงกรานต์ จะมีนำออกมาแห่ไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อให้ชาวบ้านได้สงค์น้ำเพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งเรียกว่า “แห่พระบาง” ภาพโดยผู้เขียน ด้วยความที่ไม่ได้อยู่ในสังคมที่มีความเป็นเมืองสูงนัก ทำให้บรรยากาศโดยรอบ กล่าวได้ว่าดีมากเลยทีเดียว ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน ดังที่กล่าวไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้ว่า แม้ในปัจจุบันวัดพระแท่นได้ถูกบูรณะและเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าแต่ก่อน เมื่อเทียบกับภาพวัดพระแท่นตามความทรงจำในวัยเด็กของผม ทว่าในส่วนที่เป็นเรื่องราว เรื่องเล่า ตำนาน รวมถึงความเคารพนับและความศรัทธาของชาวบ้านแดง ตลอดจนชาวอำเภอพิบูลย์รักษ์ต่อหลวงปู่พิบูลย์ ถือว่ายังไม่ได้จางหายไปไหนเลยแม้แต่น้อย อ้อ...มาถึงนี้แล้ว อย่าลืมไป วัดป่าสว่างธรรม หรือวัดของศิริพร อำไพพงษ์ และวัดป่าคำชะโนดด้วยนะครับ