มดแดงส้มมดนี้มีหลากหลายชนิดมด แต่แยกเป็นหมวดสองชนิดใหญ่ ๆ คือ มดดำ และ มดแดง แต่มดขาวไม่มี(ฮา) และมดแดงก็แบ่งเป็นอีกหลายชนิดตามที่รู้จักกันตามบ้านนอก เช่น มดแดงทราย มดแดงส้ม แต่วันนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านมารู้จักกับมดแดงส้มกันครับมดแดงส้มมีชื่อตามวิทยาศาสตร์ว่า Oecophylla smaragdina Fabricius อาศัยอยู่ตามต้นไม้โดยใช้ใบไม้ในการทำรัง ตัวยาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรสีจะออกส้ม ๆ ออกไข่เป็นสีขาว ๆ ไข่ของมดแดงส้มนี้สามารถนำไปปรุงเป็นอาหารได้ด้วย รวมทั้งตัวของมดแดงส้มที่มีรสเปรี้ยวถีงเปรี้ยวจัด เป็นที่นิยมนำไปรับประทานหรือใช้ปรุงอาหาร เช่นตัวมดแดงส้มนี้มักนำไปใส่ต้มปลา ใส่ในอาหารประเภทก้อย เช่น ก้อยหอย ก้อยปลาซิว ก้อยปลาขาว ฯลฯ หรือนำไปรับประทานคู่กับอาหารจำพวกเมี่ยง เช่น เมี่ยงหำบักมี่ เป็นต้นในหน้าแล้งอย่างนี้เป็นฤดูวางไข่ของมดแดงส้ม ไข่ใหญ่ ๆ เต่ง ๆ ที่นิยมนำมารับประทานนั้นคือไข่ของนางพญามด ที่เมื่อฟักเป็นตัวแล้วจะเป็นมดมีปีกและตัวใหญ่กว่ามดทั่ว ๆ ไป มีสีขาวปนเขียว อีสานเรียกว่า”แม่เป้ง” แม่เป้งนี้สามารถบินเหาะเหินไปได้ทุกถิ่นที่ เพื่อขยายเผ่าพันธ์ุมดของมัน ส่วนไข่เล็ก ๆ คือไข่มดงานธรรมดา เมื่อฟักและเป็นตัวโตเต็มที่แล้วจะเป็นมดแดงสีส้ม ๆ อีสานเรียกไข่เล็ก ๆ นี้ว่า”ไข่ผาก” ไข่ผากนี้จะพบในแทบทุกฤดูไม่เฉพาะในหน้าแล้งนี้เท่านั้น เพื่อการเพิ่มจำนวนประชากรมดในทุกฤดู ส่วนไข่ของนางพญานี้จะพบเพียงในหน้าแล้ง ๆ อย่างนี้เท่านั้น ไข่มดตามตลาดจานละ 40 บาทไข่ของมดแดงที่เป็นไข่ของนางพญา เป็นที่นิยมนำมาปรุงเป็นอาหาร และเป็นที่ชื่นชอบของชาวอีสานบ้านนอกทั่ว ๆ ไป เช่นแกงใส่ผักหวานป่า ทำก้อยไข่มดแดง เลยเกิดอาชีพแหย่ไข่มดแดงขายในหน้านี้ บางคนที่เป็นมืออาชีพในการแหย่ไข่มด วันหนึ่ง ๆ อาจสร้างรายได้ได้หลายบาทต่อวัน เพราะไข่มดแดงกิโลฯหนึ่งอาจแพงถึง สามถึงสี่ร้อยบาทเลย โดยตระเวนไปตามป่าโคก รังเล็กรังน้อยในหน้านี้มีไข่เต็มรังเลย ยิ่งรังใหญ่ ๆ แค่รังเดียวนี้ก็ได้ไข่มดเต่ง ๆ เป็นกิโลฯสองกิโลฯในบางพื้นที่อย่างเช่นสวนมะม่วง อาจมีการนำมดแดงนี้ไปปล่อยเลี้ยงเพื่อการค้าขายก็มี เพราะการบริโภคไข่มดแดง ทุกวันนี้ไม่นิยมแค่เฉพาะในหมู่ชาวอีสานเท่านั้น แม้แต่ในเขตภาคกลางก็มีการเลี้ยงมดแดงนี้ไว้เพื่อการค้าขาย เพราะมันเป็นที่ต้องการของตลาด แถมเลี้ยง่ายขยายพันธุ์ไว ตกหน้าแล้งอย่างนี้ก็แหย่ไปขายทำรายได้ได้ดีทีเดียว เพราะไข่มดแดงกินอร่อยแถมมีโปรตีนสูงด้วย ครับท่านผู้ชมเรื่องและภาพโดยผู้เขียน J A I W