ปลูกกะเพราหน้าบ้านคนอิสานไม่ได้เรียกต้นกะเพรานี้ว่ากะเพรา แต่เรียกอีกชื่อเหมือนเรียกใบแมงลักว่า”ผักอีคตู่” และเรียกต้นกะเพรานี้ว่า”ผักอีตู่ไทย” และกะเพราอิสานหรืออีตู่ไทยนี้มักมีกลิ่นหอมฉุนมากเพราะมักพบเห็นในที่แล้งกันดาร และเราสามารถนำอีตู่ไทยนี้ไปเป็นเครื่องปรุงในการมำอาหารได้หลาย ๆ อย่าง อย่างเช่นใส่ต้มปลา ต้มส้มไก่บ้าน นึ่งไก่บ้านหรืออื่น ๆ กระเพราอิสานหรืออีตู่ไทยนี้เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ไม่ว่าจะตามท้องทุ่งนา ตามคันนาหรือแม้แต่โพนนาเราก็สามารถพบเห็นพืชชนิดนี้ได้เสมอ ๆผักอีตู่ไทยนี้ค่อนข้างปลูกง่ายและไม่ต้องยุ่งยากในการดูแล แม้แต่ในพื้นที่แห้งแล้งต้นกะเพรานี้ก็สามารถเจริญเติบโตได้ ฉะนั้นการปลูกกระเพราไว้ตามหน้านเราจึงมักพบเห็นอยู่ทั่วไปตามบ้านเรือนของคนอิสานการปลูกกระเพราชนิดนี้ง่ายแสนง่ายครับ เพียงแต่เราขุดหลุมเล็ก ๆ ไว้ พรวนดินให้ร่วน ๆ พอเป็นที่แตกรากของมัน จากนั้นจึงนำเมล็ดจากต้นกะเพราแห้งที่เราสามารถหาได้ตามต้องทุ่งนามาเขย่า ๆ ให้เมล็ดมันโรยลงไปในดินที่เตรียมไว้ จากนั้นรดน้ำทุกเช้าทุกเย็น ไม่นานเราก็จะเห็นต้นของมันงอกเงยออกมา ปุ๋ยนี้เราอาจใช้ปุ๋ยคอกก็ได้เพื่อให้มันดูสวยงาม แต่ทั่ว ๆ ไปในการปลูกกะเพราเพื่อให้มันมีกลิ่นฉุนส่วนมากมักไม่บำรุงปุ๋ยเลย อิสานว่ากะเพราตายแล้ง กะเพราแบบนี้จะมีกลิ่นแรงเมื่อนำไปทำเป็นอาหารแล้วจะมีรสอร่อยเมนูที่ขาดกะเพราไม่ได้เลยที่คนอิสานมักนำกะเพราหรืออีตู่ไทยนี้ไปเป็นส่วนประกอบหรือขาดไม่ได้เลย อาหารชนิดนั้นก็คือ ผัดเผ็ดปลาไหลครับ อันนี้ขาดกะเพรานาแล้วรับรองไม่เป็นผัดเผ็ดปลาไหลแน่นอน หรือแม้แต่ผัดเผ็ดปลาดุก คนอิสานก็มักนำกะเพรานี้มาเป็นส่วนประกอบเพื่อให้มันหอมอร่อยน่ากิน หรือบางครั้งเราชาวอิสานบางครอบครัวก็อาจนิยมอาหารแบบภาคกลางบ้าง อย่างเช่น กะเพราไก่ กะเพราเนื้อ เรียกว่ากะเพรานี้ถือได้ว่าเป็นเครื่องปรุงสำคัญอย่างหนึ่งที่ควรปลูกติดบ้านไว้ อีกทั้งปลูกง่าย ที่สำคัญบำรุงดี ๆ กลิ่นของมันอาจโชยส่งกลิ่นยั่วน้ำลายไปทั่วบริเวณบ้านตอนเราหิวหนัก ๆ เลยทีเดียว แถมสวยงามตามหน้าบ้านอีกต่างหากอย่างในภาพนี้ก็หน้าคุณลุงท่านหนึ่ง เห็นกะเพราแกแล้วผมหิวข้าวเลย ฮา แบบว่าผมมันขาเลาะประจำหมู่บ้านครับ และผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่คุณผู้อ่านนะครับ พร้อมกับภาพสวย ๆ ชวนให้เจริญอาหารดีจริงครับท่านผู้ชม เรื่องและภาพโดยผู้เขียน