สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เราจะพาทุกท่านบินจากกรุงเทพไปเยือนถิ่นพญานาค ณ ป่าคำชะโนดอันเลื่องชื่อ เราเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองใช้เวลาเพียงไม่นาน เครื่องก็เริ่มลดระดับลง เริ่มให้เห็นป่าเขียวขจีทั่วบริเวณ สนามบินอุดรธานีมีขนาดไม่ใหญ่นัก ไม่วุ่นวายเมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตและเชียงใหม่ หลังจากลงจากเครื่องรอรับกระเป๋าเรียบร้อย เราได้ทำการจองรถเช่าไว้ก่อนแล้ว เป็นของ บริษัทเนชั่นเเนล คาร์ เร้นทอล ซึ่งราคาและบริการถือว่าประทับใจมาก สิ่งที่จำเป็นมากในการเช่ารถยนต์คือการที่เราควรจะซื้อประกันอุบัติเหตุเพิ่ม เพราะมันจะครอบคลุมทั้งรอยขีดข่วน และช่วยให้เราอุ่นใจมากขึ้นหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง โดยประกันส่วนมากราคาจะอยู่ที่ 100 – 200 บาทต่อวันคิดเพิ่มจากราคาเช่ารถ เริ่มเดินทางกันเลย เป้าหมายแรกและเป้าหมายเดียวสำหรับการเดินทางมาจังหวัดอุดรธานีในครั้งนี้ก็คือวัดศิริสุทโธ หรือ วัดป่าคำชะโนด ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ระยะทางห่างจากสนามบินอุดรธานีประมาณ 90 กิโลเมตร โดยใช้เวลาขับรถอยู่ที่ 1 ชั่วโมงเศษ เราใช้เส้นทางจากสถานบินขับผ่านตัวเมืองอุดร มาเรื่อย ถนนค่อนข้างดี รถไม่เยอะ ขับง่ายแต่ด้วยเป็นเส้นทางระหว่างอำเภอจึงมีบางช่วงที่ถนนเป็นเลนส์เดียว รถจึงมักขับแซงสวนเลนส์มาด้วยความเร็วบ่อยครั้ง และแล้วผ่านไป 1 ชั่วโมงกับการเดินทาง เราก็ได้เดินทางมาถึงเขตเทศบาลบ้านดุง ผ่านสถานีขนส่ง และเสาหลักเมือง ทำให้รู้ว่า คำชะโนด จุดหมายการเดินทางของเราอยู่ใกล้เข้ามาแล้ว ขับรถผ่านสองฝั่งถนนเต็มไปด้วยผู้คนและร้านค้า ขับต่อมาเรื่อย ๆ เมื่อใกล้จะถึงทางเข้าคำชะโนด เราจะเจอกับทุ่งนา และนาเกลือ โดยมีเกลือซึ่งเป็นสินค้าโอท็อปของอำเภอบ้านดุงวางขายให้เห็นอยู่รายทาง และแล้วเวลาที่เรารอคอยก็มาถึง เรามองเห็นป้ายบอกทางขนาดใหญ่ เขียนและมีลูกศรชี้ไปว่า ทางเข้าวัดศิริสุทโธ หรือ วัดป่าคำชะโนด เมื่อเลี้ยวตามป้ายเข้ามาเราจะพบกับร้านขายดอกไม้ บายศรี เครื่องบูชา ตั้งแต่ต้นทางเรียงยาวไปตลอดจนถึงทางเข้าวัด หากนับด้วยสายตาผู้เขียนคิดว่าน่าจะมีมากกว่า 30 ร้าน โดยในแต่ละร้าน ก็จะมีพุ่มบายศรีตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ ความประณีตสวยงามของสินค้า บวกกับรอยยิ้มทักทายของเหล่าแม่ค้า ชวนดึงดูดสายตาไม่แพ้กันเลยสักร้าน และหากท่านใดขับเลยพ้นมาจนถึงวัดแล้วล่ะก็ไม่ต้องขับรถวนกลับไปนะคะ เพราะที่วัดก็มีบายศรีที่สวยงาม พร้อมให้บริการทุกท่านอยู่เช่นกัน ทางเดินเข้าจะมีรูปปั้นพญานาคสวยเด่นตระหง่านอยู่ทั้งซ้ายและขาว ทางเดินเข้าเต็มไปด้วยต้นชะโนดที่สูงใหญ่ปกคลุมทั่วบริเวณและน้ำที่ล้อมรอบ ช่วยให้บริเวณภายในอากาศเย็นสบาย และหากมองขึ้นไปที่ยอดต้นชะโนด จะเห็นรังผึ้งขนาดใหญ่ยักษ์อยู่หลายรัง เมื่อเดินเข้ามาถึงเกาะคำชะโนด หรือที่ชาวบ้านเรียกกล่าวกันว่า วังนาคินทร์ สิ่งแรกที่เราต้องเข้าไปกราบสักการะขอพรนั่นก็คือศาลพ่อปู่ศรีสุทโธนาคราช กับแม่ย่าศรีปทุมมา ที่สถานที่แหล่งนี้มีผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ทั้งในวันธรรมดาและเทศกาลวันหยุด เรามาชมกันต่อภายในเกาะคำชะโนดแห่งนี้มีอะไรอีกบ้าง ต้นมะเดื่อยักษ์โบราณ อายุกว่าร้อยปี ณ จุดนี้ตามความเชื่อเล่าว่าเป็นจุดทางขึ้นลงถ้ำ หรือปากถ้ำของเหล่าพญานาค จุดนี้เย็นสบายและเงียบสงบ เหมาะกับการนั่งพักสบาย ๆ สักครู่ ฆ้องใหญ่ จากการสอบถามชาวบ้าน เขาเชื่อกันว่าหากใครได้เอ่ยคำอธิษฐาน และลูบฆ้องให้เกิดเสียงดังกังวาน คำอธิษฐานนั้นจะสำเร็จและกลายเป็นจริง จะช้าอยู่ทำไม ผู้เขียนไม่รีรอหลังจากได้ฟัง ลูบอยู่นานพอควร สุดท้ายก็ดังกังวานสมใจ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มาถึงที่นี่แล้วก็อย่าลืมนำน้ำในบ่อมาประพรมหัวกันสักหน่อย เพื่อความเป็นสิริมงคลหลังจากเดินชมบริเวณต่าง ๆ จนทั่ว ก็ถึงเวลากลับ เมื่อเดินออกมาจะพบกับร้านค้า พร้อมด้วยแผงลอตเตอรี่จำนวนมากรอคอยนักเสี่ยงโชคอยู่ มาถึงถิ่นความโชคดี ซื้อติดมือกันไว้สักใบ พอไว้ให้ได้ลุ้นกันค่ะ เมื่อออกมาจากคำชะโนดก็เย็นแล้ว วันนี้เราตัดสินใจพักกันหนึ่งคืนที่อำเภอบ้านดุง และต้องตกหลุมรักกับตลาดตอนเย็นของที่นี่ มีอาหารมากมายหลายประเภท ทั้งคาว หวาน วิถีชีวิตของผู้คนที่มีชีวิตชีวา ทำให้บ้านดุงแห่งนี้มีเสน่ห์มากกว่าที่เราคิด จากการเดินทางมาเยือนคำชะโนด ถิ่นพญานาคในครั้งนี้ ทำให้สัมผัสได้ถึงความเชื่อความศรัทธาที่แรงกล้า ที่ชาวบ้านและทุกคนมีต่อสถานที่แห่งนี้ และความเชื่อ ความศรัทธานี่เอง ก่อให้เกิดวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม สุดท้ายแล้วผู้เขียนขอฝากไว้ว่า คำชะโนดแห่งนี้ ไม่ใช่เพียงสถานที่ที่งมงาย แต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่มีเรื่องมีราวชวนให้น่าค้นหา ทั้งสภาพภูมิประเทศ และรู้หรือไม่ ป่าคำชะโนดแห่งนี้ยังถือเป็นป่าชะโนดผืนสุดท้ายของเอเชียอีกด้วย หากใครมีโอกาสแวะเวียนมาเที่ยวกันนะคะ รูปภาพประกอบทั้งหมด โดย ผู้เขียน