ภาพปกโดยผู้เขียนอย่ามัวแต่สู้รบอยู่ในสงครามครั้งแรก คือ เคล็ดลับที่ 9 ของหนังสือ 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จ ของ David Niven ซึ่งสาระสำคัญอยู่ที่ จงจดจําประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องระลึกเอาไว้เสมอว่าประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นอาจประยุกต์ใช้กับสถานการณ์บางสถานการณ์ไม่ได้เสมอไปหากลองมองย้อนกลับมาดูตัวเรา จะเห็นว่า เราได้ซึมซับเอาข้อมูลปริมาณมหาศาล รวมทั้งเรียนรู้บทเรียนที่มีความสำคัญจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในตอนต้นของการประกอบอาชีพ ซึ่งในเริ่มแรก เรามักจะเป็นเสมือนสมุดที่ว่างเปล่า แต่เมื่อจิตใจของเราพัฒนามากขึ้น เราก็เริ่มที่จะอัดแน่นไปด้วยบันทึกและการสังเกตต่าง ๆ นานา ดังนั้น หน้าแรกในสมุดบันทึกทางจิตใจของเราจึงมักจะเต็มไปด้วยประสบการณ์แรกเริ่มเสมอ อย่างไรก็ตาม ขณะที่ศักยภาพในการจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ของเราเพิ่มสูงขึ้น แต่กระนั้น มนุษย์เรากลับพยายามที่จะประยุกต์เอาประสบการณ์ที่ผ่านมาเข้ากับสถานการณ์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่นิดเดียว นี่เอง David Niven จึงย้ำเตือนว่า “จงจดจําประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องระลึกเอาไว้เสมอว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาของเรา อาจจะประยุกต์ใช้กับสถานการณ์บางสถานการณ์ไม่ได้”ขอบคุณภาพจาก Eucalyp ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนDavid Niven ได้ให้ตัวอย่าง โดยกล่าวถึง Schwinn Bicycles (ชวินน์ ไบซิเคิล) ซึ่งเป็นผู้นําในอุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานในระยะเวลากว่า 100 ปี โดยขณะนั้น Edward Schwinn (เอ็ดเวิร์ด ชวินน์) ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูล Schwinn ได้เข้าดูแลกิจการต่อในปี 1979 อย่างไรก็ตาม 30 ปีต่อมาบริษัทผลิตจักรยานแห่งนี้ก็ตกอยู่ในวิกฤตการณ์ เนื่องจากส่วนแบ่งทางการตลาดตกลงมาถึง 60 เปอร์เซ็นต์นักวิเคราะห์ต่างได้ให้เหตุผลเกี่ยวกับความเสื่อมถอยของบริษัทนี้เอาไว้โดยสรุปว่า บริษัทปฏิเสธที่จะอยู่กับปัจจุบัน เนื่องจากบริษัทนี้เป็นธุรกิจของครอบครัวและก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ กล่าวคือ Edward ปฏิเสธเงินทุนภายนอก แม้กระทั่งในตอนที่บริษัทกําลังอ่อนแอ เนื่องด้วย Schwinn เป็นชื่อของจักรยานที่ผลิตออกมา Edward จึงหลีกเลี่ยงที่จะใช้เงินเพื่อที่จะรักษาไว้ซึ่งชื่อของบริษัทเอาไว้ และเนื่องจาก Schwinn เป็นบริษัท ประเภทที่บริหารด้วยการร่วมมือและการทำสัญญาในระยะยาว ดังนั้น Edward จึงตกลงทำสัญญากับผู้ผลิตรายใหญ่ชาวจีนโดยไม่ได้ปกป้องผลประโยชน์ในระยะยาวของบริษัทเลยขอบคุณภาพจาก Eucalyp ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนในช่วงปลายปี 1992 บริษัท Schwinn Bicycles ติดหนี้ ถึง 75 ล้านดอลลาร์ และสูญเสียรายได้ถึงเดือนละหนึ่งล้านดอลลาร์ ทำให้ไม่มีนักลงทุนคนใดอยากจะเฉียดกรายเข้าไปใกล้บริษัท อีกทั้งการยอมรับของผลิตภัณฑ์ในหมู่เด็ก ๆ นั้นก็ลดลงจนเกือบจะเป็นศูนย์ เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ผลิตรายใหญ่จึงยกเลิกสัญญากับบริษัทและเริ่มที่จะผลิตจักรยานภายใต้ชื่อของตน โดยใช้ฐานการผลิตที่ Schwinn เป็นผู้ลงทุนไว้จนแล้วจนรอด บริษัทได้ออกมาประกาศภาวะล้มละลาย และครอบครัว Schwinn ก็สูญสิ้นอำนาจการควบคุมที่มีภายในบริษัท Schwinn อย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ มีคำอธิบายถึงการล้มละลายของบริษัทเอาไว้ว่า “เราอยู่ในจุดที่เราอยู่” อย่างไรก็ตาม หนึ่งในสมาชิกของครอบครัว Schwinn ได้ออกมาตอบโต้คำอธิบายดังกล่าวว่า "จุดที่เรายืนอยู่นั้นมันล้มเหลว เพราะตัวคุณเองก็ล้มเหลวเช่นกัน”ขอบคุณภาพจาก Eucalyp ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนอันนี้ต้องโน้ตงานวิจัยเกี่ยวกับผู้จัดการทางด้านการเงินระบุว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของผู้จัดการทางการเงินมักจะมีข้อผูกพันบางประการกับการประสบความสำเร็จในครั้งแรก ในท้ายที่สุด แนวโน้มดังกล่าวก็ทำให้เกิดการเสียโอกาสทางการลงทุนในส่วนอื่น ๆ ของตลาด อีกทั้งยังก่อให้เกิดความกระตือรือร้นที่ไม่แท้จริงในส่วนการลงทุนที่พวกเขาเลือกลงทุนด้วยขอบคุณภาพจาก Eucalyp ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนคุยกันหลังอ่านเสร็จหากว่ากันตามตรงแล้ว เราจะเห็นว่ามีอยู่ 2 แนวคิดที่สวนทางกันเกี่ยวกับการพูดถึงประเด็นนี้ กล่าวคือ แนวคิดแรกออกจะอนุรักษ์นิยมสักหน่อย ภายใต้แนวคิดนี้ เราจะได้ยินคำว่า “ฉันเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน” หรือ “เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด” และอีกแนวคิดหนึ่งที่ดูเหมือนพยายามจะก้าวข้ามแนวคิดก่อนหน้า ซึ่งภายใต้แนวคิดนี้เราจะได้เห็นบุคคลผู้มีความกระตือรือร้นต่อการแก้ไขปัญหา บุคคลผู้ต้องการจะนำเสนอแนวทางหรือวิธีการใหม่ ๆอย่างไรก็ตาม ทั้งสองแนวคิดต่างพยายามนำตัวเองขึ้นมาเป็นใหญ่เสมอ และท้ายที่สุด เราจะพบว่าแนวคิดหลังเป็นผู้พ่ายแพ้แทบจะทุกสนามรบ ถึงกระนั้น สิ่งที่น่าขันก็คือ เรายังจะพบอีกว่าภายใต้ตัวคน ๆ เดียว สามารถมีได้ทั้งสองแนวคิด ในบางกรณีที่เราไปเจอเข้ากับคนที่เขาถือหัวโขนของตัวเองไว้แน่นเอาเสียมาก ๆ จนทำให้เราจะรู้สึกว่าเราเป็นคนความคิดก้าวหน้า ไม่ยึดติดกับวิธีทำงานในแบบเดิม ๆ พร้อมทั้งมีคำถามเกิดขึ้นในหัวว่า “ทำใมเขาเป็นคนแบบนั้นวะ!!!” ทว่าในโลกคู่ขนาน หากเราไปเจอคนที่ความคิดหัวก้าวหน้าเอามาก ๆ ที่มาพร้อมกับแนวทางหรือวิธีปฏิบัติในรูปแบบใหม่ ๆ เรากลับสร้างกรอบหรือตั้งกำแพงใส่บุคคลเหล่านั้น และที่น่าขันกว่านั้นคือ เราก็มีคำถามเกิดขึ้นในหัวเช่นกันว่า “คนนี้มันเป็นใครจึงกล้ามาสอนฉันวะ!!!”ดังนั้น เมื่อสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนกับสวิตซ์ (Switch) ที่สามารถเปิด-ปิดได้ตลอดเวลา จึงถือเป็นความลำบากของแต่ละคนแล้วหล่ะครับว่าในแต่ละสถานการณ์เราจะใช้แนวคิดไหนเป็นตัวตัดสิน ซึ่งคำตอบก็น่าจะแน่นชัดอยู่แล้วดั่งที่ผมได้กล่าวไป หรือในทางตรงข้าม มนุษย์เราจะมีความสามารถเท่านั้นจริงหรือ? เราทุกคนต่างใช้อารมณ์ในการเผชิญหน้ากับสถานการณ์จริง ๆ ใช่หรือไม่? หรือเอาเข้าจริง สิ่งที่เราแต่ละคนตัดสินใจล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลแล้ว? อย่าโกรธนะครับหากผมจะบอกว่าลองมองย้อนกลับไปดูสิ!!!ติดตามผลงานอื่นPodcast 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จ โดย David NivenMy Inspire StoryCreditชื่อหนังสือ: 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จผู้เขียน: David Nivenผู้แปล: อิศรา ราชตราชูชื่อเรื่องต้นฉบับ: 100 Simple Secrets of Successful Peopleสำนักพิมพ์ต้นฉบับ: Harper Collins