ภาพปกโดยผู้เขียนคุณเคยประสบกับการที่คุณได้ทำงานบางอย่างอย่างเต็มความสามารถ แต่ผู้ตรวจกลับใช้เวลาตรวจเพียงไม่กี่นาที แล้วบอกว่างานที่คุณทำมานั้นไม่ได้เรื่องไหมครับ? แม้ไม่ใช่เรื่องงาน แต่บางครั้งในการที่คุณตั้งใจทำอะไรบางอย่าง แล้วมีใครจากไหนไม่รู้ผ่านมาชมผลงานของคุณเพียงไม่กี่นาทีแล้ววิจารณ์ว่าสิ่งที่คุณทำนั้นใช้ไม่ได้เอาเสียเลย คุณจะรู้สึกอย่างไร?หากตอบอย่างตรงไปตรงมา คุณจะบอกว่าการกระทำเช่นนั้นไร้เหตุผลสิ้นดี ซึ่งผมก็ได้กล่าวถึงพอสมควรแล้วในบทความ EP.13 และ EP.14 แต่สิ่งที่มากกว่านั้น สำนึกของคุณจะเริ่มถามหาเรื่องเกี่ยวกับ “ประสิทธิภาพ” ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการตรวจงาน แม้กระทั่งประสิทธิภาพของผู้อื่น ตลอดจนองค์กรที่คุณทำงานอยู่ ทั้งนี้ ในเคล็ดลับที่ 33 ของ 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จ David Niven ก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้เช่นกันว่า จงมีประสิทธิภาพในทุกสิ่ง ซึ่งพออ่านเท่านี้ คุณก็เริ่มอยากให้หัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานของคุณได้อ่านด้วยแล้ว แต่!!! ใจเย็นไว้นะครับ ค่อยไปคุยกันต่อหลังจากอ่านเสร็จเช่นที่กล่าวไปบ้างแล้วว่าหลายองค์กรมักจะประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องประสิทธิภาพ อาทิ การใช้งบประมาณไปกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์ มากไปกว่านั้น เราต่างก็เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการที่รัฐบาลกลางใช้จ่ายงบประมาณไปกับค้อนราคา 1,000 ดอลลาร์ และตะปูราคา 100 ดอลลาร์ถึงแม้ว่าเราต่างก็หัวเราะกับเรื่องราวเช่นนี้ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เรื่องพวกนี้กลับมีความสำคัญกับเราเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น แม้เรายังไม่ทันสังเกต แต่ David Niven ก็ได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า “ไม่มีสิ่งใดที่จะบ่อนทำลายความคิดริเริ่มของเราได้รวดเร็วเท่ากับความรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำลงไปนั้นไร้ประโยชน์” เช่นเดียวกัน องค์กรที่ใช้ทรัพยากรที่มีความสำคัญ อย่างเช่น ความพยายามของพนักงานไปอย่างไร้ค่า ก็คือองค์กรที่จะไม่เห็นคุณค่าของแรงบันดาลใจของคุณนั่นเองขอบคุณภาพจาก Freepik ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียน“ยินดีต้อนรับเข้าสู่การกสิกรรมในอนาคต” คำกล่าวของ Michael Lydon (ไมเคิล ลีดอน) จากรัฐโรดไอแลนด์กล่าวในขณะที่เขากําลังสํารวจเรือนกระจกที่ใช้ในการเพาะปลูกของเขา ซึ่ง Michael เคยเป็นวิศวกรมาก่อน ดังนั้น เมื่อเขาเริ่มทำกสิกรรม Michael จึงมองกสิกรรมจากมุมมองของวิศวกร โดยเขาต้องการที่จะถอนรากถอนโคนปัญหาเกี่ยวกับสิ่งปฏิกูลและต้องการที่จะเพิ่มปริมาณผลผลิตที่วิธีการแบบเดิม ๆ ไม่สามารถทำให้ได้ ผลก็คือ ภายในสิ่งปลูกสร้างขนาด 1/4 เอเคอร์ Michael ปลูกมะเขือเทศในปริมาณที่มากกว่าฟาร์มทั่วไปถึง 20 เท่าเขากล่าวว่าถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า “การทำกสิกรรมในโรงเรือนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการควบคุมคุณภาพ ดังนั้น ทักษะที่ผมมีจึงถูกนํามาบูรณาการให้เข้ากับธุรกิจนี้ อย่างไรก็ตาม กสิกรคนอื่น ๆ ยังจําเป็นที่จะต้องพึ่งพาสภาพดินฟ้าอากาศ พวกเขาจําเป็นที่จะต้องพึ่งพาระบบการประปา พวกเขายังต้องต่อสู้กับแมลงและเชื้อโรค พวกเขาจําเป็นที่จะต้องเสียเวลาและเงินจำนวนมากไปกับการแก้ไขปัญหาที่พวกเขาไม่สามารถที่จะควบคุมได้ แต่ผมกลับไม่ประสบปัญหาเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย”ขอบคุณภาพจาก Freepik ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนการกสิกรรมในโรงเรือนของ Michael นอกจากจะให้ผลผลิตมากกว่าการกสิกรรมแบบดั้งเดิมในช่วงฤดูที่พืชพรรณเจริญงอกงามแล้ว เขายังได้กําไรในช่วงฤดูกาลอื่นที่ยาวนานอีกด้วย เพราะพืชผลของเขานั้นได้รับการปกป้องจากความหนาวเย็นในช่วงกลางคืนมากไปกว่านั้น Michael ยังเป็นกสิกรรายเดียวที่มีมะเขือเทศวางขายอยู่บนชั้นวางเกือบตลอดทั้งปี และมะเขือเทศของเขาก็มีความแตกต่างจากมะเขือเทศที่ถูกเก็บก่อนที่พวกมันจะสุกปลั่ง ดังนั้น มะเขือเทศของ Michael จึงไม่เน่าเสียระหว่างการขนส่งระหว่างประเทศ เนื่องจากพวกมันถูกเก็บในขณะสุกได้ที่พอดีและถูกส่งตรงยังตลาดต่าง ๆ ในทันทีท้ายสุด Michael ได้คาดการณ์การทำกสิกรรมในอนาคตเอาไว้ว่า “การกสิกรรมในอนาคตก็เป็นการกสิกรรมในโรงเรือน และถ้าหากคุณต้องการที่จะประกอบธุรกิจกสิกรรม พร้อมกับต้องการผลผลิตที่ต่อเนื่อง คุณจะต้องทำกสิกรรมในโรงเรือนเท่านั้น”ขอบคุณภาพจาก Freepik ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนอันนี้ต้องโน้ตความไร้สมรรถภาพของบริษัทจะทำให้ความพึงพอใจในการทำงานลดลงถึง 21 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังทำให้พนักงานมีความต้องการที่จะหางานใหม่อีกด้วยคุยกันหลังอ่านเสร็จผมมิบังอาจจะไปกล่าวหาบุคคลที่คุณกำลังคิดถึงเหล่านั้นว่าเป็นคนที่ไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากขณะที่คุณกำลังคิดเช่นนั้น บุคคลอื่นเขาก็อาจกำลังคิดอยู่เหมือนกันว่า ทำใมตัวคุณถึงขาดประสิทธิภาพได้ขนาดนั้นวะ? หากกล่าวกันตามตรง ในหลาย ๆ กรณีผมพบว่าเราต่างใช้อย่างสิ้นเปลืองสำหรับคำว่า “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) คุณคิดว่าคำนี้หมายถึงอะไรครับ? หากเราไปเปิดพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 (แบบออนไลน์) เราจะพบว่าคำนั้นเป็นคำนาม หมายถึง “ความสามารถที่ทำให้เกิดผลในการงาน” จะเห็นว่ามีคำว่า “สามารถ” ค้นต่อจึงได้ความหมายว่า (1) “สามารถ” เป็นคำช่วยกริยาบอกว่ามีคุณสมบัติที่จะทำได้ เช่น เขาสามารถเดินได้ชั่วโมงละ 5 กิโลเมตร หรือเพื่อนฉันสามารถขี่จักรยานไต่ลวดได้ เป็นต้น และ (2) “สามารถ” เป็นคำวิเศษ ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะทำได้ โดยเฉพาะทางความรู้หรือความชำนาญ เป็นต้น เช่น ลูกเขาเป็นคนสามารถเรียนอะไรก็เรียนได้ถ้าคุณยังไม่ได้ความชัดเจนใด ๆ แสดงว่าคุณมาถูกทางแล้วครับ เพราะจากการให้ความหมายของคำว่าประสิทธิภาพว่าหมายถึงสิ่งที่กล่าวไปข้างต้นนั้นมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เนื่องจากคำดังกล่าวเป็นคำที่ถูกใช้ในแวดวงของการบริหารหรือการจัดการมากกว่าจะถูกใช้ภายใต้การให้ความหมายแบบไทย ๆ โดยในแง่นี้มีความหมายถึงนัยของกระบวนการในการทำงาน วิธีการ รวมไปถึงแนวทางในการจัดการปัญหาต่าง ๆ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้น้อยที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่รวดเร็วที่สุด และหากจะไปกันให้สุดก็ต้องบอกด้วยว่าไม่สนใจว่าผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ขอแค่ใช้ทรัพยากรและเวลาน้อยที่สุด เพื่อให้งานเสร็จเร็วที่สุด ดังนั้น คนที่กำลังต่อว่าคุณ เขาอาจพูดถูกก็ได้ว่าคุณไม่มีประสิทธิภาพ แต่คุณลองนึกดูว่า ตัวคุณเองจะยอมทำเช่นนั้นจริงหรือ? เมื่อสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั้นมันสามารถทำให้ดีกว่านี้ได้ ผมว่ามันไร้สาระสิ้นดีนะ!!!อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในทางทำลายล้างของคำว่าประสิทธิภาพนั้นมีสูงมาก กล่าวคือ การใช้คำดังกล่าวดูถูกดูแคลนคนอื่นมันใช้น้อยมากทั้งเวลาและทรัพยากร ทว่ามันกลับให้ผลอย่างไร้ที่ติ นอกจากนั้น ผู้ที่ใช้คำดังกล่าวมักจะเห็นตัวเองว่าสูงส่ง รอบรู้ และฉลาดหลักแหลมกว่าคนที่ถูกกล่าวหา แต่เหนือสิ่งอื่นใด ตัวเราเองที่ถูกกล่าวหา แทนที่จะเข้าใจว่าเขาใช้คำนั้นในความหมายแบบผิด ๆ แล้วนั่งลง หัวเราะและปรับปรุงตัวเองใหม่ ทว่าเรากลับมีความโกรธเคืองหรือน้อยเนื้อต่ำใจในศักยภาพของตนเองที่มีอยู่ จนแทบอยากจะหลุดพ้นจากจุดนั้นไปให้ได้ แต่ก็มีบางอย่างที่เป็นดังโซ่ที่คอยตรวนเอาไว้ ไม่รู้สิครับ! มันอาจเป็นดั่งคำที่ David Niven กล่าวเอาไว้ก็ได้ว่า “จงยอมรับการตัดสินใจของคุณเอง และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโอกาสที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต”ติดตามผลงานอื่นPodcast 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จ โดย David NivenMy Inspire StoryCreditชื่อหนังสือ: 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จผู้เขียน: David Nivenผู้แปล: อิศรา ราชตราชูชื่อเรื่องต้นฉบับ: 100 Simple Secrets of Successful Peopleสำนักพิมพ์ต้นฉบับ: Harper Collinsอ้างอิงพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554