ภาพปกโดยผู้เขียนDavid Niven ได้กล่าวถึงเคล็ดลับที่ 14 ในหนังสือ 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จ ว่า การป้องกันตัวที่ดีที่สุดคือการฟัง ซึ่งสวนทางเอาเสียมาก ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา แม้ความจริงแล้ว เราต่างก็รู้ว่าการฟังเป็นกลยุทธ์ที่ดีสำหรับการรับมือกับสิ่งต่าง ๆ แต่ใยเราจึงละเลยด้วยเล่าNiven กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ในโลกนี้ไม่มีใครต้องการจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ๆ เราทั้งหลายก็จะแสดงออกถึงการป้องกันตัวเอง” อย่างไรก็ตาม ช่างเป็นที่น่าเสียดาย ที่การป้องกันตัวของเราเองนั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ แก่ตัวของเราเลย การป้องกันตัวที่เกิดขึ้นนั้นจะทำให้เราเพิกเฉยต่อความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ซึ่งจะส่งผลให้เสียโอกาสในการพัฒนาตนเอง มากไปกว่านั้น การป้องกันตัวนี้ อาจจะถูกแสดงออกมาในรูปแบบของแรงกระตุ้นที่ก่อให้เกิดการปฏิเสธความมีเหตุผลในคําวิพากษ์วิจารณ์ หรืออาจจะถูกแสดงออกมาในรูปแบบของการบ่อนทำลายตัวผู้ส่งสารเลยทีเดียวขอบคุณภาพจาก Freepik ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียน“ดังนั้น เมื่อคุณรู้ว่าตัวของคุณนั้นมีศักยภาพก็จงแสดงออกมาให้ประจักษ์ แต่จงอย่าต่อต้านการวิพากษ์วิจารณ์เพียงเพราะคุณเป็นคนที่มีความสามารถ” Niven ย้ำเตือนEd (เอ็ด) พยายามผลักดันตนเองจนกระทั่งเขาได้มาเป็นผู้บริหารระดับสูง ด้วยการดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายขายของบริษัทเกี่ยวกับการสื่อสารแห่งหนึ่ง แต่แล้วบริษัทก็ต้องประสมกับปีที่ยอดขายตกต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อบริษัท อีกทั้งบุคลากรระดับอาวุโสก็ยังโดนผลกระทบถูกเลิกจ้างกันเป็นแถว นั่นเองทำให้เขาพบตัวเองว่าต้องมานั่งส่งเรซูเม่เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีเลยทีเดียวขอบคุณภาพจาก Payungkead ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนหลังจากที่เขาส่งเรซูเม่ไปยังที่ต่าง ๆ เขาก็ต้องเผชิญกับการปฏิเสธหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ไปจนถึงการถูกปฏิเสธโดยการบอกว่าเขามีประสบการณ์การทำงานมากเกินไปหากเทียบกับตำแหน่งที่เขาสมัคร โดย Ed ยอมรับกับ Niven ว่า “ผมสามารถทำงานเหล่านี้ได้แม้ในยามที่ผมหลับ แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าตอนนี้ผมกําลังนั่งอยู่ต่อหน้าฝ่ายบุคคลงี่เง่าพวกนี้ เพื่อที่จะรอการอนุมัติจากพวกเขา”นอกจากนั้น ยังกล่าวเสริมว่า “บรรดาเพื่อนของผมต่างรู้สึกสงสารผมจับใจ แต่กระนั้น พวกเขาก็บอกให้ผมปรับเปลี่ยนทัศนคติของตนเอง การที่ผมรู้ตัวว่าผมควรจะได้งานนี้ และแสดงออกเสมือนว่าสิ่งต่าง ๆ นั้น อยู่ภายใต้การควบคุมของผม ไม่ได้ทำให้คนอื่น ๆ คิดว่าผมมีความเหมาะสมกับงานนี้”ในท้ายที่สุด แม้วิถีปฏิบัติที่เปลี่ยนไปของ Ed ก็ทำให้เขาได้งานใหม่ ทว่าดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขาอยู่ไม่น้อยเพราะเขาได้งานในแผนกทรัพยากรบุคคล โดย Ed ยอมรับว่า “พวกเขาพูดถูก และผมก็ไม่ได้รับเลือกให้ทำงานที่ไหนเลย จนกระทั่งผมสามารถเอาชนะสิ่งที่ผมรู้สึกอยากทำ ด้วยการเริ่มต้นมองถึงสิ่งที่ผมควรจะทำ”ขอบคุณภาพจาก Eucalyp ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนอันนี้ต้องโน้ตการป้องกันตัวเองนั้นมีความสัมพันธ์เชิงลบกับการเรียนรู้งานต่าง ๆ อีกทั้งบุคคลที่มีบุคลิกชอบปกป้องตนเองก็มีแนวโน้มที่จะพูดในที่ประชุมมากกว่าบุคคลทั่วไป แต่การพูดดังกล่าว มักจะเป็นการพูดแทรกในขณะที่ผู้อื่นกําลังพูดอยู่ มากไปกว่านั้น 1 ใน 4 ของคนที่ชอบป้องกันตนเองมักจะปรับตัวให้เข้าภารกิจใหม่ ๆ ได้ยากกว่าคนทั่วไปด้วยขอบคุณภาพจาก Freepik ใน flaticon.com; แก้ไขโดยผู้เขียนคุยกันหลังอ่านเสร็จกล่าวได้ว่าเคล็ดลับนี้เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับการป้องกันตัว มากไปกว่านั้นยังสำหรับการรับมือกับความไม่มีเหตุผลที่ได้อภิปรายไปแล้วในบทความ EP.13 ด้วย โดยในเคล็ดลับนี้ที่ David Niven ได้บอกว่า “การป้องกันตัวของเราจะทำให้เราเพิกเฉยต่อความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ซึ่งจะส่งผลให้เสียโอกาสในการพัฒนาตนเอง” ซึ่งดูเหมือนจะเขาจะพูดขัดกันกับเคล็ดลับ 13 ที่ว่าเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับความไม่มีเหตุผลเดี๋ยวนะครับ!!! ผมจะขออธิบายเพิ่มเติมอย่างงี้ คือว่า ในเคล็ดลับที่ 13 บอกเราถึงนัยของการไม่ต้องไปใส่ใจกับคำวิจารณ์ คำดูถูกถากถาง รวมไปถึงคำพูดสารพัดเหตุผลที่คอยฉุดรั้งหรือบอกให้เราล้มเลิกความตั้งใจของเราต่อความสำเร็จ ทว่าในเคล็ดลับนี้กลับมีนัยถึงการแนะนำให้เรายอมรับในคำวิจารณ์บางคำวิจารณ์ “ที่เป็นประโยชน์” เพื่อให้เราได้นำมาปรับปรุงแก้ไขวิธีการหรือแนวทางของเราให้มันดีขึ้นกว่าเดิม มากกว่าจะเป็นการปกป้องตนเองจากคำวิจารณ์เหล่านั้นด้วยการบอกว่า “ฉันเก่งอยู่แล้ว และไม่ต้องการให้ใครมาแนะนำฉัน” ซึ่งหากว่ากันตามตรงแล้ว ผมว่าจะอภิปรายประเด็นนี้ตั้งแต่บทความก่อนหน้านี้แล้ว แต่ผมเห็นว่ามันจะมีเหตุมีผลมากกว่าหากนำมาอภิปรายในบทความนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคำวิจารณ์ที่มีประโยชน์สำหรับผมแล้ว เอาเข้าจริงไม่ว่าจะเป็นคำวิจารณ์ที่จะมาจากคนที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เรากำลังทำก็ตาม เราควรที่จะเก็บมาไตร่ตรองให้ครบถ้วนเสมอกัน แม้ว่าคำวิจารณ์ คำดูถูกถากถาง การกระทำย่ำยี่จากคนที่ไม่เห็นด้วยกับเราจะไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรต่อเรามากมายนัก ทว่าอย่างน้อยมันก็สามารถนำมาเติมเชื้อไฟแห่งความหิวกระหายในความสำเร็จของเราให้แรงขึ้นได้ติดตามผลงานอื่นPodcast 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จ โดย David NivenMy Inspire StoryCreditชื่อหนังสือ: 100 เคล็ดลับยกระดับความสำเร็จผู้เขียน: David Nivenผู้แปล: อิศรา ราชตราชูชื่อเรื่องต้นฉบับ: 100 Simple Secrets of Successful Peopleสำนักพิมพ์ต้นฉบับ: Harper Collins