ท้องทุ่งภาคอีสานกว้างใหญ่ไพศาล แสดงให้เห็นถึงวิถีเกษตรกรรมของคนในพื้นที่แห่งนี้ ที่สร้างรายได้จากท้องนา แม้ว่าราคาข้าวจะไม่ได้มีราคา แต่การทำนาก็ยังมีข้าวกิน เป็นความมั่นคงทางอาหารของชาวอีสาน โดยปกติแล้วบริเวณท้องทุ่งในช่วงเวลากลางวัน แดดจะร้อน ต้องหาพื้นที่พักผ่อน ตลอดจนทำอาหารทั้งช่วงเช้า สาย และเย็นภาพถ่ายโดย ภาณุพงศ์ ธงศรีพื้นที่ของชาวนาภาคอีสานจึงต้องเกี่ยวข้องกับ “เถียงนา” เพราะเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจในช่วงเวลาแดดร้อน บทความนี้ผมไม่ได้มาแค่เล่าว่าเถียงนาเป็นพื้นที่พักผ่อนนะครับ แต่เถียงนานั้นมีความสัมพันธ์กับภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องทุ่ง ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรมของชาวนาโดยมีปริศนาที่น่าสนใจอยู่ 3 ประการ ดังนี้ภาพถ่ายโดย ภาณุพงศ์ ธงศรีประการแรก เถียงนามักยกพื้นสูง ด้วยลมที่พัดมาจะทำให้บรรยากาศของการพักผ่อนที่อยู่กลางท้องทุ่งเย็นสบาย พร้อมทั้งป้องกันแมลง มด และสัตว์ต่าง ๆ ที่จะมาทำร้ายชาวนาได้ ถือเป็นสถาปัตยกรรมเฉพาะของท้องทุ่งภาคอีสาน สังเกตได้โดยทั่วไปนะครับภาพถ่ายโดย ภาณุพงศ์ ธงศรีประการที่สอง เถียงนามักตั้งอยู่ใกล้โพน หรือติดโพน เพราะว่าพื้นที่ของเถียงนา นอกจากจะเป็นที่พักผ่อนแล้ว ยังสามารถใช้ปลูกพืชผักสวนครัว ไว้ประกอบอาหารได้ ในเวลาล้างจาน หรือพริก หากเททิ้งก็จะเกิดเป็นต้นมาตามธรรมชาติ เก็บกินได้เวลาที่ประกอบอาหารกลางทุ่ง ด้วยคุณสมบัติของ “ดินโพน” หรือ “ดินจอมปลวก” ที่มีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืช เช่น โปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกนีเซียม กามะถัน เหล็ก สังกะสี ทองแดง และโซเดียมภาพถ่ายโดย ภาณุพงศ์ ธงศรีประการที่สาม เถียงนาต้องอยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่ หรือป่าละเมาะ เนื่องด้วยความร้อนของแดด ชาวนาจึงต้องใช้ต้นไม้ใหญ่เป็นเครื่องปรับอากาศไปในตัว หากมีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ จะทำให้บริเวณนั้นเย็น พร้อมทั้งจะขุดบ่อน้ำใกล้ ๆ เพื่อที่จะใช้ตัก และดื่มกินในเวลาไปทำนา บริเวณโดยรอบก็จะคล้ายคลึงกับบ้านแต่จะไม่นิยมล้อมฝาด้านข้าง เพื่อให้ลมเข้าได้ทุกทางภาพถ่ายโดย ภาณุพงศ์ ธงศรีด้วยเหตุนี้ ภูมิปัญญาของชาวอีสาน ในการเลือกพื้นที่ของการทำเถียงนา และสร้างเถียงนา จึงมีลักษณะเฉพาะบางประการที่น่าสนใจ เป็นภูมิปัญญาอีสานของชาวอีสานที่ต้องการความมั่นคงทางอาหาร และทพให้เถียงนาเย็นสบายเหมาะต่อการพักผ่อน หลังจากทำนามาเหนื่อย ๆ ให้เย็นสบาย ทั้งกายและจิตใจภาพถ่ายหน้าปกโดย ภาณุพงศ์ ธงศรี