การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ของประเทศไทย มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกันกับมาตรการปิดกรุงเทพฯ ของทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันหลายมหาวิทยาลัยเริ่มปิดเทอม และหันไปจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ โดยใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการส่งงาน และทำข้อสอบ ผมเป็นหนึ่งในนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของไทยครับ ต้องเดินทางกลับบ้านเช่นเดียวกัน บทความนี้จึงเป็นการเล่าเรื่องประสบการณ์ส่วนตัวที่่ได้กลับต่างจังหวัด และวิเคราะห์สถานการณ์ของการเเพร่ระบาดของไวรัส COVID – 19 ที่เพิ่มมากขึ้นในต่างจังหวัด ภาพถ่ายโดย hasse42 ขอเริ่มต้นที่ประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ ผมเดินทางจากต่างจังหวัดในวันก่อนที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 1 วัน พร้อมเดินทางไปจังหวัดบ้านเกิดที่อยู่ในชุมชนชนบทของอีสาน เมื่อมาถึงชุมชนค่อนข้างมีมาตรการในการดูแลคนที่เดินทางจากต่างจังหวัดค่อนข้างดีครับ โดยมี “อสม.” นำใบลงทะเบียนการเข้ามาในชุมชนมาให้ผมกรอก จากนั้นก็ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วันครับ โดยจะอยู่ที่รีสอร์ททางหมู่บ้านจัดไว้ให้ โดยหลังจากที่เราออกทางองค์การบริการบริหารส่วนตำบลก็จะมีคณะทำความสะอาดเชื้อมาทำความสะอาด ทำให้ผมค่อนข้างสบายที่จะกักตัว และปฏิบัติตามระเบียบของชุมชน สำหรับข้าวปลาอาหารก็เป็นวิถีชุมชนธรรมดาครับ ก็คือ ครอบครัวจะใส่ตะกร้าไปให้ แล้วห้อยไว้ด้านหน้าของรีสอร์ทจากนั้นจึงออกไปเอามารับประทาน ภาพถ่ายโดย KlausHausmann สำหรับผมมองว่าชุมชนค่อนข้างมีความเข้มแข็งในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยของคนในชุมชนเป็นอย่างมาก มีวิธีป้องกันที่เป็นพิเศษของชุมชนแห่งนี้ ก็คือ 1. ร้านค้าทุกร้านในหมู่บ้านแห่งนี้จะมีเจลล้างมือไว้บริการลูกค้า 2. คนในชุมชนเวลาพบปะพูดคุยกันจะต้องสวมหน้ากากอนามัย 3. อสม. ของหมู่บ้านจะมีเครื่องวัดไข้ โดยปกติจะตรวจ 3 วันครั้ง หากใครมีอาการก็จะติดต่อทางผู้นำชุมชน เพื่อประสานทางอำเภอทันที (ชุมชนผมยังไม่มีคนเป็นครับ แม้จะเดินทางจากต่างจังหวัดเยอะ) 4. ผู้ใหญ่บ้านจะรายงานสถานการณ์โดยใช้ข้อมูลจากทางจังหวัดทุกเช้า พร้อมทั้งมาตรการเสริมที่เกิดขึ้นในชุมชนที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ภาพถ่ายโดย hasse42 หากถามว่า “ระหว่างในกรุงเทพกับต่างจังหวัดมีความแตกต่างมากน้อยแค่ไหน” สำหรับผมมองว่าในต่างจังหวัดดูจริงจัง และทุกคนเอาใจใส่มากกว่าในกรุงเทพฯ ตอนที่อยู่ในกรุงเทพฯ ผมไม่รู้เลยว่าติดโรคหรือไม่ ควบคุมคนไม่ให้ออกจากบ้านไม่ได้ กลับกันกับชุมชนที่สามารถรู้ได้ว่ามีใครเข้ามาบ้าง และสามารถควบคุมคนได้ ชาวบ้านให้ความสำคัญกับภาวการณ์แพร่ระบาดของโรค ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดพอถึงเวลาหัวค่ำทุกคนก็กลับบ้าน ไม่ได้มีความวุ่นวาย อย่างไรก็ตามในชุมชนชนบทไม่ได้มีอุปกรณ์ และเครื่องมือแพทย์ที่ครบครัน ต้องเดินทางไกลเข้าอำเภอ อุปกรณ์ป้องกันที่สำคัญ คือ “หน้ากากอนามัย” หาซื้อได้ยากมากทั้งร้านขายยา สถานีอนามัย เซเว่นอีเลฟเว่น ทำให้ชาวบ้านต้องเย็บผ้าใช้เอง ภาพถ่ายโดย geralt ถ้าหากให้ผมวิเคราะห์เหตุผลว่าทำไม "COVID-19 " ถึงระบาดเพิ่มต่างจังหวัดมากขึ้น ผมคิดว่าเป็นเพราะการเดินทางเข้ามาของคนที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำงานต่างประเทศ และในจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาก ๆ เมื่อเดินทางกลับบ้าน ด้วยโรคนี้ยังไม่แสดงอาการทำให้เมื่อกลับมาบ้านแล้วติดเชื้อ ต่อจากนั้นจึงระบาดให้คนในครอบครัว การแพร่ระบาดของโควิด – 19 จะไม่ระบาดหากทุกคนกักตัว 14 วัน ตามที่มีกระบวนการในการสังเกตอาการ จะช่วยให้คนในชุมชนปลอดภัยด้วย ทีนี้ถ้าหากมองในเชิงลึก โดยเอาตัวเลขของผู้ติดเชื้อต่างจังหวัดมากางจากรายงานจากศูนย์ข้อมูล COVID – 19 ในวันที่ 3 เมษายน 2563 เพิ่ม 103 ราย รวมยอดสะสม 1,978 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 19 ราย รักษาหายกลับบ้าน รวม 581 ราย ถ้าวิเคราะห์สาเหตุและยอดของผู้ติดเชื้อมาจากตรงไหน จะเห็นว่า “ผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยเดิม จำนวน 39 ราย” มียอดมากที่สุด ด้วยก่อนหน้านี้คนที่ติดจากสนามมวยลุมพินี กลับจากต่างประเทศ และสถานบันเทิง มีการเดินทาง และยังไม่มีอาการเมื่อมีอาการคนกลุ่มนี้จึงเป็นคนกลุ่มแรกที่ต้องเข้ารักษาและเป็นผู้ป่วยชุดแรก ต่อมาจึงติดกับคนใกล้ชิด เพราะมาตรการของทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับสภาพเป็นจริงในเรื่องการเดินทางของบุคคล ทำให้ต้องมีการเดินทางออกนอกกรุงเทพฯ โดยกลุ่มผู้ติดเชื้อจากสนามมวย ก็เดินทางเข้าสู่ต่างจังหวัด แล้วทำให้เชื้อกระจายตัวออกนอกพื้นที่กรุงเทพฯ ยากต่อการควบคุม โดยผมจะเปรียบเทียบข้อมูลก่อนประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ตามการรายงานของกระทรวงสาธารณสุข (สธ) จำนวน 934 ราย แบ่งเป็น รักษาตัวที่โรงพยาบาล 860 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 70 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 4 ราย จนถึงวันที่ 3 เมษายน 2563 เพิ่ม 103 ราย (เทียบกับข้อมูลก่อนหน้า) มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มในหลักร้อยเกือบทุกวัน แม้หลังประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปตามมาตรการควบคุมเหล่านั้นเลย ถ้าจะวิจารณ์การใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน จะเห็นว่ายังไม่เหมาะกับประสิทธิภาพที่จะเกิดขึ้น ล่าสุดวันที่ 2 เมษายน 2563 มีการประกาศมาตรการเพิ่มเติมไม่ให้ออกจากเคหสถาน 22.00 – 04.00 น. ถามว่าจะเกิดประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน ผู้เขียนมองว่าไม่แตกต่างจากเดิม เพราะยังมีการเดินทาง คนยังสามารถพบปะในตอนกลางวันได้ตามปกติ และปัจจัยสำคัญเหล่านี้ก็ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้ออีกด้วย (เห็นจากตัวเลขผู้ติดเชื้อในพื้นที่แออัด 13 ราย) ภาพถ่ายโดย ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ความไม่เข้มงวดของรัฐบาลนี้เอง ทำให้ยอดของผู้ติดเชื้อลากยาว และไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยใกล้ชิดผู้ป่วยเดิม และอาชีพในพื้นที่แออัด หากรัฐบาลไม่เคร่งครัดในเรื่องของการเดินทาง ไม่ให้เดินทางข้ามจังหวัด การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ลดลงไม่ได้อย่างแน่นอน วิเคราะห์จากการเปรียบเทียบจำนวนคนติดเชื้อในแต่ละจังหวัด ตามข้อมูลของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) วันที่ 3 เมษายน 2563 คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 48% ในต่างจังหวัด 42% รอผลยืนยันการติดเชื้ออีก 10% โดยแบ่งพื้นที่เป็นกรุงเทพฯ - นนทบุรี จำนวน 1,049 คน ภาคกลาง 291 ราย ภาคใต้ 277 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 94 ราย ภาคเหนือ 74 ราย รวมยอดในต่างจังหวัด 736 ราย ถือว่าไม่เยอะเท่าในกรุงเทพมหานคร แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจเพราะตราบใดที่ยังไม่มีมาตรการจากรัฐบาลในการห้ามคนออกนอกพื้นที่ของบ้าน และต่างจังหวัด โอกาสการเพิ่มปริมาณในต่างจังหวัดก็ยังน่าเป็นห่วง และอาจมีปริมาณมากขึ้นไปอีกหากมาตรการในระดับประเทศไม่ได้มีความชัดเจนในเรื่องของการกำหนดพื้นที่การแพร่ระบาดไม่ให้กระจายตัว แม้จะแพร่ระบาดอย่างไร หากเราทุกคนร่วมมือกันให้ความร่วมมือในชุมชน เชื่อเหลือเกินว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ เช่น จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี ในชุมชนยังสามารถควบคุมได้ เป็นห่วงในเมือง และกรุงเทพฯ สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้กับคนไทยทุกคนครับ ข้อมูลอ้างอิง : ไทยพบผู้ป่วยโควิดใหม่ 103 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย, ศูนย์ข้อมูล COVID-19, อัปเดตผู้ป่วยโควิด-19 ในไทย มีอยู่ที่จังหวัดไหนกันบ้าง, สถานการณ์ไวรัส “โควิด-19” ติดตามความคืบหน้าล่าสุด, หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ, ภาพถ่ายหน้าปกโดย hasse42