ประวัติศาสตร์สมัยกรุงธนบุรี กรุงธนบุรีเป็นราชธานีที่ 3 ของไทยปัจจุบันเป็นเพียงขีดเล็ก ๆ ของกรุงเทพ ฯ แม้จะเป็นราชธานีในช่วงเวลาสั้น ๆ คือในปีพศ 2310 ถึง 2325 และมีพระมหากษัตริย์ปกครองเพียงพระองค์เดียว คือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แต่ก็มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่เป็นรอยต่อระหว่างกรุงศรีอยุธยา กับกรุงรัตนโกสินทร์เป็นช่วงเวลาที่รวบรวมและฟื้นฟูบ้านเมือง ในทุกด้านหากชาติกรุงศรีอยุธยา ความเจริญรุ่งเรืองของชาติไทยคงไม่ปรากฏวันนี้ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน : ปากกาทองการสถาปนากรุงธนบุรี กรุงธนบุรีชื่อเดิมว่า บางกอก สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า บางเกาะ ในอดีตฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนคร เป็นแผ่นดินเดียวกัน บริเวณดังกล่าวเป็นที่ราบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่อุดมสมบูรณ์ มีลำคลองกระจายอยู่ทั่วบริเวณ พื้นที่ดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยดังนั้น จึงเป็นที่มาของชื่อว่า บางเกาะ ดังกล่าว แต่ดึงเมืองธนบุรีเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองหน้าด่านทางทะเล ทำหน้าที่ป้องกันศัตรูที่จะเข้ามาทางใต้ของกรุงศรีอยุธยา แล้วยังทำหน้าที่ตรวจตราจัดเก็บภาษีสินค้าที่ผ่านเข้าออก ต่อมาเมื่อมีการทำการค้ากับต่างประเทศในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมืองชลบุรีก็มีความสำคัญในฐานะเมืองหน้าด่านทางทะเล กรุงเวียงจันทน์เป็นเมืองท่าเรือต่างชาติ ที่เดินทางขึ้นล่องระหว่างกรุงศรีอยุธยา เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าเมืองตาก เนื่องจากได้ทำความดีความชอบต่อแผ่นดิน ในปีพุทธศักราช 2308 ถึง 2309 พระยาตากได้นำกำลังทหารมาสมทบกับกรุงศรีอยุธยา เพื่อป้องกันการรุกรานจากพม่าที่ล้อมกรุงอยู่ ส่งมีฝีมือในการรบและแม่ทัพที่เข้มแข็งจนได้รับการแต่งตั้งเป็น พระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร ส่งรวบรวมไพร่พลตีฝ่า วงล้อมออกไปเพื่อจะกลับมากู้เอกราช หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาถูกพม่าตีแตกในปีพ. ศ. 2310 เจ้าเมืองต่าง ๆ พากันตั้งตัวเป็นใหญ่ พระยาตากสามารถยึดเมืองจันทบุรีได้ และประกาศตั้งตัวเป็นอิสระ จากนั้นจึงยกทัพเรือจากจันทบุรีมาต่อสู้ยึดกรุงธนบุรีได้ และสามารถกอบกู้เอกราชได้สำเร็จ ในเวลาต่อมา หลังจากกอบกู้เอกราชจากพม่าได้แล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 แต่ประชาชนนิยมเรียกว่า พระเจ้าตากสิน เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2311 และทรงสถาปนาราชธานีแห่งใหม่ขึ้น นั่นคือ กรุงธนบุรี เนื่องจากทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยา เสียหายอย่างหนัก ยากที่จะทำการบูรณะให้เหมือนเดิมได้ นอกจากนี้ กรุงศรีอยุธยายังมีอาณาเขตกว้างขวาง ใหญ่เกินกำลังที่จะรักษาไว้ และยังอยู่ห่างไกลจากทะเล ทำให้การติดต่อค้าขายกับต่างชาติกับต่างประเทศ ทำได้ลำบาก รวมทั้งจะไม่สามารถป้องกันเมืองไว้ได้หากพม่ายกทับตีเมือง เพราะพม่ารู้จักสภาพภูมิประเทศของกรุงศรีอยธยาเป็นอย่างดี ภาพถ่ายโดยผู้เขียน : ปากกาทองสิ่งที่ยังหลงเหลือจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่หลงเหลือที่คนรุ่นหลังยังสามรถเห็นหรือจับต้องได้ เช่น ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ศาลศีรษะปลาวาฬป้อมวิไชยประสิทธิ์ เรือนเขียว อาคารเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้น และมีการสอนให้ประชาชนเป็นช่างฝีมือ เช่น ช่างเขียน ช่างแกะสลัก ช่างไม้ ช่างประดับ ช่างปั้น เป็นต้น ภาพถ่ายโดยผู้เขียน : ปากกาทองอาหารที่คนสมัยกรุงชองกิน คือ อึ่งอ่าง กิ้งก่า และแมลงทุกชนิด ชอบสูบยาฉุนและกินหมาก กันเป็นอย่างมาก ภาพถ่ายหน้าปกโดยผู้เขียน : ปากกาทองสามารถติดตามผลงานของผู้เขียนได้ที : https://creators.trueid.net/@22596ปากกาทอง