บ่อยครั้งที่การจัดตั้งทริปขึ้นมาเกิดล่มแล้วล่มอีก ครั้งนี้ก็เช่นกันเมื่อเพื่อนพยายามชวนไปเที่ยวชมงานแสดงช้าง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัดสุรินทร์ เป็นครั้งที่ 3 ปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 16-17 พฤศจิกายน 2562 ถ้าการตัดสินใจครั้งนี้ใช้คำว่าไกลและไม่มีเวลาเป็นข้ออ้างอีกครั้ง ก็คงไม่ได้ไปแล้วหล่ะ เลยทำตัว Yes Man เอาล่ะ!!! เดี๋ยวเราจองตั๋วรถนอนคืนนี้ให้ไปถึงเช้าวันพรุ่งนี้เลย ด้วยความที่ว่ารอบรถทัวร์ที่ไปลงจังหวัดสุรินทร์มีจำกัด ก็ไปเลยเอาให้ถึงสัก ตี 5 แล้วค่อยว่ากันหน้างาน ตามคติสอนใจที่ว่า การตื่นเช้าเป็นกำไรของชีวิต เริ่มต้นเช้าวันใหม่นี้จากการตักบาตรและเดินเล่นสะสมแต้มบุญ ณ วัดบูรพาราม วัดเก่าแก่ประจำจังหวัด ใกล้ๆ เอาฤกษ์เอาชัย ซึ่งเป็นวัดที่ประดิษฐานของหลวงพ่อพระชีว์ (หลวงพ่อประจี) พระพุทธรูปปางมารวิชัยศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของสุรินทร์ และเป็นวัดที่หลวงปู่ดุลย์ อตุโล ท่านเคยจำพรรษาตลอดชีวิตของท่าน พอพิมพ์เรื่องนี้หลายคนอาจจะไม่เข้าถึง แต่ถ้าบอกว่าเป็นวัดที่คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เดินเท้าเปล่าถือถุงแกงเข้าวัด ก็คงเป็นภาพจำน่ารักที่ชวนให้อมยิ้มแน่นอน 10.00 น. ช่วงเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึงในที่สุด ต้องรีบจับจองที่นั่งเข้าชมงานแสดงช้าง จังหวัดสุรินทร์ ราคาบัตรอยู่ที่ 300, 500 และ 1,000 บาท ที่นั่งตามความร้อนแรงของแสงอาทิตย์ พอหย่อนตัวลงปั๊บการแสดงก็เปิดตัวด้วยความสามารถที่พิเศษที่เหล่าบรรดาคุณช้างได้ผ่านการฝึกมาอย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการวาดภาพ การกีฬาทั้งชักเย่อ และ เตะฟุตบอล ซึ่งก็มีดาวตัวป่วนอุ้มบอลวิ่งข้ามสนามมาวางที่จุดเตะ แล้วเตะเข้าประตุูหลายลูก จนลำบากใจถึงกรรมการที่ต้องแจกใบเหลือง ใบแดง กันสนุกสนาน ฝ่ายกองเชียร์ก็ให้ความร่วมมือเต็มที่เหมือน เชียร์บอลกันจริงจังชิดติดริมขอบสนาม และแล้วมาถึงการแสดงพลังความยิ่งใหญ่อลังการของเหล่าบรรดาช้างศึกนับกว่า 100 เชือก ในสงครามยุทธหัตถี เป็นการชนช้างระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระมหาอุปราชแห่งพม่า ที่ฝ่ายอยุธยาตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของศัตรู แค่เพียงเท่านี้ก็รู้สึกคุ้มค่ากับการออกเดินทางอันยาวนาน ได้เห็นความรักของคนสุรินทร์ที่มีต่อช้างอันเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัด และ พี่น้องควาญที่เสียสละแรงกายและแรงใจเพื่อฝึกเหล่าคุณช้างทั้งหลายให้มีความสามารถพิเศษด้วยภาษาส่วย เป็นภาพที่ควรค่าแก่การจดจำจริงๆ คนกับช้างความสัมพันธ์ที่เหมือนสายใยบางๆที่ยาวนานมาตั้งแต่อดีตกาล ถ้ายังพอจะมีเวลาพฤศจิกายนปีหน้าลองวางแผนไปสิ แนะนำเลยแล้วจะหลงรักช้างสุรินทร์ไปพร้อมๆกัน ^ ^