โพนนา คาเฟ่ เป็นชื่อที่ดิฉันได้ยินชาวศรีสะเกษกล่าวถึงมาพักใหญ่แล้วค่ะ เมื่อได้วันหยุดพักจึงชวนน้องชายและยายมาที่ร้านนี้กัน ประเด็นหลัก ๆ ของพวกเรายายหลานเวลาออกไปนอกพื้นที่ จุดมุ่งหมายของพวกเราคือจะเน้นที่บรรยากาศของร้านให้รู้สึกว่าได้พักผ่อนและได้ออกมาเที่ยว ไม่ได้กำหนดตายตัวว่าต้องเป็นร้านอาหารประเภทใด ที่สำคัญคือต้องไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก หลังจากถกประเด็นร้านที่จะไปกันก็ได้ข้อสรุปว่าเราควรมาเยือนร้าน โพนนา คาเฟ่ สักครั้ง เพราะเคยได้ยินแต่ชื่อ ซึ่งในใจก็คิดเอาไว้ก่อนแล้วว่าที่นี่น่าจะเน้นตรงบรรยากาศกลางทุ่งนาเป็นจุดขายตามชื่อร้าน ฉะนั้นแล้วน่าจะมีพื้นที่บริเวณกว้าง เหมาะแก่การนั่งพูดคุยกันเพลิน ๆ ของพวกเรา เราขับรถออกจากตัวเมืองผ่านทางบิ๊กซีศรีสะเกษ ตรงไปเรื่อย ๆ ผ่านปั๊มปตท.บ้านเพียนามไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก่อนถึงยูเทิร์น เยื้องวัดปราสาทสระกำแพงน้อย จะมีป้ายบอกทางเข้า แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยค่ะ ขับเข้ามาก็เจอร้านเลย ไม่ต้องขับต่อไปอีกไกล มีลานจอดรถกว้างมากทั้งบริเวณด้านหน้าและบริเวณด้านข้างของพื้นที่ร้าน ดิฉันบอกให้น้องชายจอดให้ดิฉันลงตรงหน้าร้านเพราะชั้นลอยที่สร้างล้อมต้นไม้ดังภาพด้านบนมันเย้ายวนใจมากค่ะคุณ วิวในภาพด้านบนถ่ายจากชั้นลอยที่สร้างล้อมต้นไม้ใหญ่ ตรงนี้วิวดีงามมากเลยค่ะ ลมโกรก ไม่ร้อนเลย ช่วงบ่าย ๆ แอบเห็นหญิงสาวซื้อเบียร์มาจากตัวร้านที่ตั้งอยู่ด้านใน แล้วเดินขึ้นมานั่งชมวิวพร้อมกับจิบเบียร์บนนี้ด้วย นึกดูสิคะว่าจะชิลล์แค่ไหน แน่นอนว่ามุมถ่ายรูปสำหรับเชคอินก็มา ไม่ได้มีแค่มุมเดียวด้วยนะคะ มีมากมายหลายมุมให้เลือกเลยล่ะ โพน เป็นภาษาอีสาน หมายถึง ที่ที่เป็นเนินดิน มีความสูงจากพื้นนาปกติ ใช้เป็นที่ทำกระท่อมหรือเถียงนาสำหรับการพักผ่อนในระหว่างที่ทำนาหรือทำสวน นอกจากจะเป็นที่พักผ่อนในยามเหน็ดเหนื่อยจากการทำไร่ทำนาแล้ว 'โพน' ยังใช้เป็นที่ตีข้าวของคนอีสาน ในอดีตเมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว ชาวบ้านจะนำข้าวที่เกี่ยวด้วยมือมามัดรวมกัน เรียกว่า 'โค่นข้าว' แล้ว จะนำมากองรวมกันบน 'โพนนา' เมื่อกาลเวลาผ่านไป 'โพนนา' ก็ถูกปล่อยให้รกร้างไม่ได้มีการใช้งานเหมือนสมัยก่อน เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าได้ออกมาดูทุ่งนากับคุณแม่ ก็ได้มาเห็นโพนนานี้ ซึ่งในตอนนั้นมีต้นไผ่ล้อมรอบโพน ตรงกลางมีเถียงนา 1 หลัง บริเวณรอบ ๆ เถียงนาเป็นที่โล่ง ด้านทิศตะวันตกมีสระน้ำ ข้าพเจ้าจึงเกิดไอเดียว่าโพนนานี้ร่มรื่นไปด้วยต้นไผ่ ต้นสะเดา ต้นจามจุรี ฯลฯ ที่สำคัญคือมีสระน้ำติดโพนพอดี ข้าพเจ้าจึงลองนั่งสเก็ตแบบร้านกาแฟ และตั้งชื่อร้านว่า โพนนา คาเฟ่ คุณพันธกานต์ รัตนา หรือ ครูเรน เล่าให้เราฟังถึงจุดกำเนิดของร้าน โพนนา คาเฟ่ หลังลงบันไดจากชั้นลอยลงมา จะมีทางเดินวางด้วยซีเมนต์หนาเป็นทางเชื่อมนำเราไปยังตัวร้านที่ตั้งอยู่ด้านใน ระหว่างทางก็จะผ่านซุ้มนั่งเล่นไปด้วย ด้วยบรรยากาศและความกว้างขวางของพื้นที่มันให้ความรู้สึกที่ดีมากจริง ๆ ค่ะคุณ ภาพด้านบนชวนให้ดิฉันรู้สึกเหมือนกองฟางของโมเน่ต์ เดินเรื่อยมาจะเจอทางเข้าร้าน มีพนักงานต้อนรับยิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนกับไปบ้านญาติค่ะคุณ รู้สึกมีความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างบอกไม่ถูก ร้านจะเป็นกระจกรอบด้าน มีแอร์ตู้เคลื่อนที่ตั้งไว้แทนการปิดประตูแล้วเปิดแอร์เย็น ๆ เหมือนกับร้านกาแฟทั่วไป สอบถามไปยังคุณครูเรนได้ความว่า ในส่วนของแอร์เคลื่อนที่นั้นทางร้านเอามาใช้ในตอนที่อากาศไม่ร้อนมาก จริง ๆ แล้วอยากให้ลูกค้าได้รับลมธรรมชาติมากกว่า แต่ถ้าถึงหน้าร้อน มีนาฯ เมษาฯ ก็จะเปิดแอร์ตามปกติ อันนี้เห็นจริงกับคุณครูเรนเรื่องให้ลูกค้ารับลมธรรมชาตินะคะ เพราะตลอดเวลาที่นั่งที่ร้านไม่มีใครไปนั่งใกล้แอร์ตู้เคลื่อนที่เลยค่ะคุณ ทุกคนออกมานั่งรับลมชมวิวด้านนอกกันหมด แม้บางช่วงจะมีแดดแรง แต่ขอบอกว่าไม่ร้อนเลยค่ะคุณ ผ่อนคลายมาก จากภาพด้านบน คุณครูเรนบอกว่ามุมริมน้ำข้างกอไผ่ตรงนี้คือมุมที่ลูกค้าชอบมากที่สุดค่ะ ช่วงนี้ทางร้านปลูกปอเทืองค่ะ ซึ่งหากมองออกจากตัวร้าน ทางด้านขวามือจะเห็นที่ผืนใหญ่อีกผืนซึ่งปลูกปอเทืองเช่นกัน แถมมีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปอีกด้วย ทราบภายหลังว่าเป็นที่ของคุณลุงของคุณครูเรนค่ะ อยากบอกว่า ได้มาเยือนแล้วรู้สึกเหมือนได้ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดค่ะคุณ พวกเรายายหลานประทับใจมาก โดยเฉพาะยายที่เป็นผู้สูงวัยและคุ้นเคยกับบรรยากาศทุ่งนามาตั้งแต่สมัยเด็ก บรรยากาศชวนให้ยายหวนรำลึกถึงเรื่องราวสมัยก่อนตอนที่ตัวเองนั่งเกวียนรับจ้างกลับบ้าน โพนนา คาเฟ่ เป็นสถานที่ที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ไม่ว่านั่นจะเป็นความสัมพันธ์สถานะไหนก็ตาม ทุกอย่างสงบนิ่งและผ่อนคลาย จังหวะที่ลมพัดเอื่อย ๆ มากระทบแขนให้ความรู้สึกดีมากจริง ๆ ค่ะ ดิฉันอยากให้ทุกคนได้มีโอกาสมาเยือน โพนนา คาเฟ่ แห่งนี้ อย่างน้อยก็สักครั้งหนึ่ง คุณจะเข้าใจถึงความรู้สึกที่ดิฉันได้บรรยายไปทั้งหมด และที่สำคัญที่ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบในการมาเยือน โพนนา คาเฟ่ ก็คือ วิวที่นี่จะเปลี่ยนผันไปตาม 'ฤดู' ค่ะคุณ คุณจะได้สัมผัสทั้งฤดูดำนายันฤดูเกี่ยวข้าว จะได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของยอดข้าวยามต้องลมด้วย เรียกได้ว่าที่แห่งนี้มีความสุขให้ได้เสพตลอดทั้งปีเลยค่ะ แถมทุกวันเสาร์ยังมีการแสดงดนตรีสดอีกต่างหาก อีกเรื่องคือแว่วมาว่าคุณครูเรนมีแผนอยากเปิดรีสอร์ทด้วย ยังไงดิฉันก็ขอเอาใจช่วยนะคะ ถ้าได้ทำจริง ๆ มันต้องไปได้ดีมากแน่ ๆ . . ภาพประกอบบทความ : พริกเผ็ด เพจร้าน https://bit.ly/3bGVWyB เบอร์โทรศัพท์ : 093 471 5898 เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ 10.00น.-19.00น./เสาร์-อาทิตย์ 9.00น.-20.00น.