ทันใดนั้นเองสิ่งที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ที่สุดเกิดขึ้น! เก้าอี้เด็กทั้งสองนั่งอยู่เริ่มขยับไปมาและทำเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แล้วมันก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ถ้าเอามอลลี่และปีเตอร์ขึ้นไปด้วย เด็กทั้งสองจับเก้าอี้ไว้แน่น เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น “พี่รู้ไหมว่ามันจะลอยไปไหน” ปีเตอร์ฐาน “ใครจะไปรู้” มอลลี่ตอบ “แต่เราจะได้ผจญภัยกันสนุกแน่คราวนี้”นี่คือสิ่งที่ผมอ่านในครั้งแรกหลังจากหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาดู ข้อความข้างต้นอยู่ด้านหลังของหนังสือก่อนที่ผมจะมาหยิบหนังสือเล่มนี้ มันเกิดแรงดึงดูดด้วยหน้าตาที่เรียบง่ายของหนังสือและเนื้อเรื่องบางส่วนที่อยู่ในปกด้านหลัง เมื่ออ่านจบผมจึงไม่รอช้ารีบเปิดไปที่คำนำ พบกับข้อความที่เขียนขึ้นต้นว่า “อยากบินได้จังคงจะสนุกน่าดู” คำพูดสั้นๆที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือกในสิ่งเล่มนี้มาเอาแบบไม่มีข้อกังขาใดๆ ต่อจากนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักหนังสือที่มีชื่อว่า “เก้าอี้สารพัดนึก”รูปร่างหน้าตาหนังสือเล่มนี้มีความเรียบหรูใช้สีขาวและโทนสีสว่างนำสายตา ทำให้ครั้งแรกที่ผมเดินผ่านชั้นหนังสือที่มีหนังสือมากมายหลายชนิด ต้องเหลียวมองด้วยความสะดุดตาและเดินเข้าไปหาหนังสือเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้มีขนาดเล็กเป็น Pocket book สามารถที่จะพกพาและนำไปที่ใดก็ได้สะดวกสบาย หน้าปกจะเป็นรูปของเก้าอี้ตัวหนึ่งที่มีสิ่งต่างๆเพราะๆก็อีตัวนั้นไม่ว่าจะเป็นเด็กใส่ชุดเขียว แตร หรือแม้กระทั่งปีทั้ง 4 อันที่อยู่บริเวณขาเก้าอี้ บวกกับลายเส้นและการใช้สีที่เหมือนการวาดภาพ ทำให้มีความสวยงามในแบบเรียบง่าย ภายในหนังสือจะเป็นสีขาวดำมีภาพประกอบทุกบท เพื่อให้ผู้อ่านได้จินตนาการในเรื่องราวต่างๆได้อย่างลงตัวและเป็นการเพิ่มอรรถรสในการอ่านและหนังสือเล่มนี้จะมีขนาดเล็กแต่ตัวหนังสือด้านในนั้นไม่เล็ก ขนาดพอดีกับสายตาไม่ต้องเพ่งอ่าน ทำให้หมดกังวลในเรื่องของขนาดตัวหนังสือสาระสำคัญหนังสือเล่มนี้มีการจัดวางรูปแบบเนื้อหาทั้งหมด 26 บท โดยเรื่องจะเริ่มจากมอลลี่และปีเตอร์ที่เป็นพี่น้องกันอยากซื้อของขวัญให้แม่ และได้เจอเข้ากับร้านขายของเก่าพิสดาร ซึ่งร้านนี้มีเจ้าของร้านเป็นชายประหลาดร่างเล็กที่มีท่าทางแปลกๆ ทั้งสองเดินเลือกซื้อของจนไปเจอกับแจกัน แล้วตัดสินใจจะซื้อแจกันนี้เป็นของขวัญให้แม่ จึงบอกกับเจ้าของร้านว่าห่อของขวัญชิ้นนี้ให้ด้วย เจ้าของร้านทำท่าไม่พอใจและรีบเดินไปเปิดกล่องต่างๆเพื่อหาอุปกรณ์ในการห่อของขวัญ แต่เมื่อเปิดกล่องแต่ละกล่องก็จะพบเจอสิ่งประหลาดต่างๆเช่น แมวดำตัวใหญ่ ควันสีเขียวที่ที่พุ่งออกมาจากกล่อง จนเจ้าของร้านต้องตามจับกลับเข้ามาในกล่อง ผีเสื้อสีน้ำเงิน เป็นต้น ทำให้เด็กๆตกใจและพยายามหนีแต่ประตูกับล็อคเปิดไม่ได้ด้วยความกลัวทั้งสองจึงวิ่งขึ้นไปบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เพื่อหวังว่าจะอยู่ให้พ้นจากสิ่งประหลาด ส่วนเจ้าของร้านก็กำลังวุ่นกับการนำสิ่งต่างๆเข้าไปไว้ในกล่องและด่าทอต่อว่าสิ่งเหล่านั้น โดยใช้คำหยาบคายทำให้เด็กๆเกิดความกลัวมากยิ่งขึ้นในขณะเด็กทั้งสอง นั่งอยู่บนเก้าอี้และพยายามหาทางออก เก้าอี้ตัวนั้นก็ปรากฏปีกขึ้น มันบินขึ้นพาเด็กทั้งสองออกจากร้านไป เจ้าของร้านเห็นจึงรีบที่จะคว้าเก้าอี้ไว้แต่ก็ไม่ทันทั้งสองคนได้ลอยกลับบ้าน อย่าปลอดภัย แหละรู้ว่าเก้าอี้ตัวนี้จะไปไหนก็ได้ ตามใจผู้ที่นั่งมันหลังจากนี้เด็กทั้งสองก็จะได้ออกผจญภัยไปในที่ต่างๆ เผชิญสถานการณ์ต่างๆ ที่ดีบ้าง ยากลำบากบ้างแต่สิ่งสำคัญนอกจากความสนุกของหนังสือเล่มนี้ มันยังมีข้อคิด คติสอนใจในแต่ละแต่ละบทไว้สอนใจ และทำให้ผู้อ่านประทับใจตลอดการเดินทางความประทับใจถ้าพูดถึงเรื่องของความประทับใจ ผมจะพูดถึงการผจญภัยอีกครั้งหนึ่งของพี่น้องทั้งสองคน โดยจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ตน คือภูตที่มีชื่อว่าชิงกี้ ที่พี่น้องทั้งสองได้ช่วยมาจากยักษ์โดยการคิดเลข ในตอนนี้ชิงกี้อยากกลับหมู่บ้าน จึงขอยืมเก้าอี้จากเด็กทั้งสองคน ทั้งสองไม่ปฏิเสธแต่อยากไปด้วยเพราะเป็นเพื่อนกันและอีกนัยหนึ่งก็อยากไปผจญภัย เมื่อไปถึงจึงได้รู้ว่า เมืองนี้ได้ถูกปกครอง กดขี่ ข่มขืน รังแก จากพ่อมดที่มีชื่อว่า โฮโฮ พ่อมดตนนี้มีนิสัยที่ประหลาด มีความเห็นแก่ตัว และอยากได้ของคนอื่น เด็กทั้งสองจึงช่วยกันปราบพ่อมด โดยการนำยาสลบใส่ไว้ในขนมแล้วไปหาพ่อมด ทำทีเว่าสิ่งที่ตนกำลังถือนั้นสำคัญมาก พ่อมดเห็นดังนั้นจึงแย่งมา และกินลงไป ทำให้พ่อมดสลบและติดกับดักของเด็ก ชิงกี้และเด็กทั้งสอง จึงนำตัวพ่อมดขึ้นไปบนเก้าอี้และพาไปยังบ้านของคู่อริคือแม่มด เพราะทั้งสองไม่ถูกกัน และมีความแค้นต่อกัน เมื่อไปถึงพ่อมดจะได้เป็นทาสรับใช้ของแม่มด และจะไม่สามารถมารังแกหมู่บ้านของชิงกี้ได้อีกเมื่ออ่านจบผมบอกได้เลยว่าประทับใจที่สุดตอนที่เด็กน้อยทั้งสองมีความรักเพื่อน และมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ กับทุกสิ่งที่ตนเจอ และประสบพบตลอดการเดินทาง ยินดีช่วยเหลือโดยไม่มีอคติใดๆกับทุกคนก่อนลา ไปอ่านหนังสือเล่มนี้ผมให้ 9.5 คะแนน เนื้อหาและภาษาเข้าใจง่ายทำออกมาในรูปแบบของร้อยกรอง การใช้ภาษาเข้าถึงง่ายและที่สำคัญผมคิดว่าถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองได้อ่านให้ลูกฟังก่อนนอน น่าจะช่วยให้ครอบครัวอบอุ่นขึ้น เพราะหนังสือเล่มนี้มีความสนุก ผู้ปกครองสามารถสอดแทรกมุกตลกหรือเหตุการณ์ สถาณการณ์ที่แตกต่างเข้าไป เพื่อให้เด็กได้เกิดความคิดและตัดสินใจในสถานการณ์ที่แตกต่างจากหนังสือ เพราะเน้อหาในหนังสือเป็นเรื่องใกล้ตัวเด็ก สร้างจิตนาการได้ง่าย และสอดแทรกคติสอนใจ