วันนี้จะพาเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับบุญข้าวประดับดิน บุญเดือนเก้า ที่ชาวอีสานได้สืบทอดกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ว่าเป็นยังไงกันบ้าง ไปดูกันเลยย... ประเพณีบุญข้าวประดับดิน บุญเดือนเก้า เป็นอีกหนึ่งประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ในภาคอีสาน โดยบุญข้าวประดับดิน เป็นงานประเพณีที่ถูกจัดขึ้นในวัน แรม 14 ค่ำ เดือน 9 ของทุก ๆ ปี และในปีนี้ 2563 ประเพณีบุญข้าวประดับดินก็ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม 2563 ทั้งนี้ในการทำบุญข้าวประดับดินนั้น ชาวบ้านจะนำข้าวปลา อาหาร คาว หวาน ผลไม้ หมาก พลู บุหรี่ มาห่อด้วยใบตอง และห่อใส่เป็นห่อเล็ก ๆ ก่อนจะนำไปวางตามโคนต้นไม้ใหญ่ หรือตามพื้นดินบริเวณรอบ ๆ เจดีย์ หรือ โบสถ์ โดยการทำบุญข้าวประดับดินนี้ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นการทำบุญ หรืออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว รวมถึงอุทิศส่วนกุศลให้สัตว์นรกหรือเปรต นอกจากนี้ บุญข้าวประดับดินยังถือว่าเป็นการให้ทานแก่ผู้ยากไร้ รวมทั้งสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ ที่ต้องหิวมื้อ อดมื้อ กินมื้อมาตลอดทั้งปี อีกด้วย เพราะการที่ตั้งอาหารไว้ที่พื้นดินทำให้สัตว์เหล่านี้สามารถเข้ามากินอาหารได้อย่างเต็มที่ ความเป็นมาของบุญข้าวประดับดิน การทำบุญข้าวประดับดินที่เกิดจากความเชื่อตามนิทานธรรมบทว่า ชาติของพระเจ้าพิมพิสาร ได้ยักยอกเงินวัดไปเป็นของตนเอง ครั้นตายไปแล้วได้ไปเกิด เป็นเปรตในนรก และเมื่อพระเจ้าพิมพิสารถวายทานแด่ พระพุทธเจ้าแล้ว มิได้อุทิศส่วนกุศลให้ญาติที่ตาย กลางคืนพวกญาติที่ตายมาแสดงตัวเปล่งเสียง มากรีดร้อง ให้ปรากฏใกล้ พระราชนิเวศน์ รุ่งเช้าได้เสด็จไปทูลถาม พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทูลเหตุให้ทราบ พระเจ้าพิมพิสารจึงถวายทานอีก แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ ญาติที่ตายไปจึงได้รับส่วนกุศล ดังนั้นการทำบุญข้าวประดับดิน คือการทำเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ญาติ ผู้ตายแล้ว ถือเป็นประเพณีที่ต้องทำเป็นประจำทุก ๆ ปี และเป็นการรวมญาติพี่น้อง ที่อยู่ต่างจังหวัด ต่างอำเภอ ก็ต้องทางมาเพื่อตอบแทนบุญคุณ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว พอได้เรียนรู้ประเพณีดี ๆ อีสาน อย่างประเพณีบุญข้าวประดับดินบุญเดือนเก้าแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่อาศัยในพื้นที่ภาคอีสาน คงต้องอนุรักษ์ประเพณี บุญข้าวประดับดิน บุญเดือนเก้า ให้รุ่นลูกรุ่นหลาน ได้สืบทอดต่อ ๆ ไป ไม่มีวันจางหาย ภาพจากผู้เขียน อาทร