EP.1 กินน้ำตามฮอยบาท ครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีแม่เฒ่ายากจนอาศัยอยู่ที่เมืองศรีสาเกตุเพียงผู้เดียวไร้ญาติที่พึ่งพาชาวบ้านสงสารจึงแบ่งที่ดินให้ทำนาแม่เฒ่าก็ทำนาพอเลี้ยงชีพ แต่ครั้งหนึ่งแม่เฒ่าไปดูข้าวที่ปลูกไว้พบว่ามีรอยเท้าช้างเหยียบย่ำข้าวในนาเสียหายนางจึงติดตามรอยเท้าช้างนางรู้สึกกระหายน้ำอย่างยิ่งเห็น แต่มีน้ำอยู่ในรอยเท้าช้างแม่เฒ่าจึงดื่มครั้นดื่มน้ำในรอยเท้าช้างแล้วรู้สึกมีกำลังเหมือนสาว ๆ น้ำในรอยเท้าช้างนั้นเป็นน้ำปัสสาวะของช้างจำแลงซึ่งพระอินทร์จำแลงมาเพื่อที่จะช่วยเหลือให้เทพบุตรมาเกิดในครรภ์ของนางฉะนั้นเมื่อนางกลับบ้านก็ตั้งครรภ์ประมาณสิบเดือนคลอดบุตรชายมีรูปร่างแข็งแรงมีดาบศรีคันชัยศรีขรรค์ชัย) มาด้วยคัชนามช่วยเหลือแม่เฒ่าทำงานตั้งแต่เล็ก ๆ เรียบเรียงจากธวัชปุ ณ โณทก: สารานุกรมวัฒนธรรมอีสานเล่ม 5. พ.ศ. 2542 หน้า 1616-1618 Ep.ตามหาพระบิดา วันหนึ่งคันธนามถามถึงบิดาแม่เฒ่าก็เล่าให้ฟังและพาไปป่าเพื่อดูรอยเท้าช้างที่แม่เฒ่าดื่มน้ำขณะนั้นได้พบยักษ์ ยักษ์เข้าทำร้ายแม่เฒ่าคัชนามจึงต่อสู้กับยักษ์ใช้ดาบศรีคันชัยสู้กับยักษ์ ยักษ์ยอมแพ้จึงมอบน้ำเต้าวิเศษให้และบอกแหล่งช่อนขุมทองทั้งสองแม่ลูกไปค้นหาแหล่งขุมทองพบทองคำจำนวนมากจึงทำให้สองแม่ลูกมีฐานะดีขึ้นและแบ่งทองคำให้เพื่อนบ้านทุกคนเมื่อท้าวคัชนามอายุ 16 ปีข่าวเล่าลือเป็นคนมีกำลังมากสามารถปราบยักษ์ได้ล่วงรู้ไปถึงพระยาศรีสาเกตฯ จึงเรียกเข้าเฝ้าสั่งให้ทดลองกำลังถอนต้นตาล 2 ต้นที่ขวางทางเสด็จท้าวคชนามก็ถอนได้แล้วเหาะไปในอากาศกวัดแกว่งต้นตาลด้วยกำลังพระยาศรีสาเกตจึงแต่งตั้งให้เป็นอุปราชและสร้างปราสาทให้ประทับท้าวคัชนามก็พาแม่เฒ่ามาอยู่ด้วยและใช้น้ำเต้าวิเศษรดบนร่างกายแม่เฒ่าแม่เฒ่าก็กลับร่างเป็นสาวรุ่นวันหนึ่งท้าวคัชนามก็ลาแม่ติดตามบิดาท้าวคัชนามเดินตามรอยเท้าช้างไปยังเมืองอินทปัตถาระหว่างทางไปพบชายร้อยเล่มเกวียนที่กำลังลากเกวียน 500 เล่มด้วยตัวคนเดียวท้าวคัชนามจึงประลองกำลังโดยไปดึงเกวียนเล่มท้ายชายร้อยเล่มเกวียนลากเกวียนไม่ไหวจึงหันมาดูข้างหลังพบท้าวคัชนามจึงต่อสู้กันชายร้อยเล่มเกวียนสู้ไม่ได้จึงขอเป็นทาสติดตามไปด้วยต่อมาพบชายไม้ร้อยกอกำลังลากไม้ร้อยกอท้าวคัชนามก็ประลองกำลังจับไม้ที่กำลังถูกลากชายไม้ร้อยกอโกรธจึงต่อสู้กันท้าวคัชนามชนะชายไม้ร้อยกอจึงยอมเป็นทาสติดตามไปด้วยทั้งสามก็เดินทางไปตามหาบิดาท้าวคัชนามเรียบเรียงจากธวัชปุ ณ โณทก: สารานุกรมวัฒนธรรมอีสานเล่ม 5. พ.ศ. 2542 หน้า 1616-1618 EP.3 จีนายโม้ ทั้งสามเดินทางไปถึงป่าหิมพานต์จึงหยุดพักด้วยความหนื่อยและหิวอาหารพอดีเห็นตัวจีนายโม้ (แมลงคล้ายจิ้งหรีด) กำลังขุดคุ้ยดินกระเด็นข้ามแม่น้ำโขงไปตกใกล้เมืองเวียงจันทน์ยังเห็นกลายเป็นก้อนหินจำนวนมากกองอยู่ ปัจจุบันเป็นค่ายทหารลาวเรียกว่า "ค่ายจีนายโม้" เพราะมีหินซึ่งหลายมาจากขี้ขุยดินที่ตัวจิ้งหรีดยักษ์ขุดกระเด็นมาตกไว้เมื่อครั้งนั้นท้าวคัชนามจึงให้ชายทั้งสองไปจับจิ้งหรีดยักษ์มากิน แต่ชายทั้งสองมีกำลังสู้จิ้งหรีดยักษ์ไม่ได้ถูกดีดสลบกระเด็นไปไกลท้าวคัชนามจึงลงไปในรูจับได้ขาข้างหนึ่งตัวจิ้งหรีดยักษ์พยายามดีดจนขาหลุดมาข้างหนึ่งเมื่อท้าวคัชนามได้ขาจิ้งหรีดยักษ์จึงหาเพื่อนทั้งสองเห็นสลบอยู่ไม่ไกลนักท้าวคัชนามเอาน้ำในลูกน้ำเต้ารดลงที่ร่างชายทั้งสองก็ฟื้นขึ้นมาท้าวคัชนามจึงให้ไปขอไฟที่กระท่อมที่อยู่ไม่ไกลนักเมื่อชายไม้ร้อยกอไปก็พบยักษ์ถูกยักษ์จับหักขาขังไว้ที่สุ่มเหล็กครั้นให้ชายร้อยเล่มเกวียนไปตามก็ถูกยักษ์จับหักขาเช่นเดียวกัน ท้าวคัชนามคอยอยู่นานจึงติดตามไปดูเห็นเพื่อนผู้มีกำลังถูกจับขังอยู่ในสุ่มเหล็กรู้ว่ายักษ์ตนนี้มีฤทธิ์มากจึงใช้ดาบศรีคันชัยยักษ์สู้ไม่ได้ร้องขอชีวิตไว้ยักษ์ให้ไม้ท้าววิเศษ "กกชี้ตายปลายชี้เป็น" และพิณวิเศษแก่ท้าวคัชนามท้าวคัชนามได้ใช้น้ำในลูกน้ำเต้ารดเพื่อนทั้งสองทั้งสองก็หายจากขาหักทั้งสองจึงย่างขาจิ้งหรีดยักษ์กินเป็นอาหารจนอิ่มแล้วจึงเดินทางต่อไปเรียบเรียงจากธวัชปุ ณ โณทก: สารานุกรมวัฒนธรรมอีสานเล่ม 5. พ.ศ. 2542 หน้า 1616-1618 EP.4 ฆ่างูซวงครองเมืองขวางทะบุรี นาง กองสี เป็นลูกเจ้าเมืองนำตนมาช่อนไว้ให้พ้นจากงู (งูผีของพระยาแถน) ส่วนเจ้าเมืองและไพร่พลถูกงูซวงของพระยาแถนกินหมดแล้วเนื่องจากเจ้าเมืองและชาวเมืองประพฤติตนไม่อยู่ในจารีตเจ้าเมืองไม่อยู่ในทศพิธราชธรรมและชาวเมืองยิงนกตกปลาฆ่าสัตว์ทำบาปพระยาแถนจึงปล่อยงูซวงออกมากินคนจนหมดเมืองนางบอกว่าถ้าหากก่อไฟซวงเห็นแสงไฟก็จะลงมาอีกท้าวคัชนามจึงก่อกองไฟใหญ่ให้แสงส่องถึงเมืองพระยาแถนครั้นงูซวงลงมาจำนวนมากก็ถูกท้าวคัชนามและสหายช่วยกันฆ่าตายหมดท้าวคัชนามจึงช่วยชีวิตชาวเมืองขวางทะบุรีโดยใช้ไม้เท้ากกชี้ตายปลายชี้เป็นชี้ไปยังกระดูกคนผู้คนชาวเมืองก็ฟื้นคืนชีพทุกคนส่วนกระดูกงูนั้นไหลตามน้ำไปเมื่อฝนตกใหญ่พัดพาไปติดที่ดักปลาของยักษ์ซึ่งนำก้อนหินใหญ่ ๆ มาทำลี่ดักปลายอยู่กลางน้ำโขงเมื่อกระดูกงูลอยมาติดจำนวนมากจึงเรียกว่า "แก่งลี่ผี" และเพี้ยนเสียงเป็น "แก่หลี่ผี" ส่วนกองไฟที่ท้าวคัชนามก่อนั้นเมื่อถูกฝนตกใหญ่จึงดับกลายเป็นภูเขาเรียกว่า "ดงพระยาไฟ" แล้วเปลี่ยนเป็น "ดงพระยาเย็น" ภายหลังเมื่อเจ้าเมืองขวางทะบุรีฟื้นแล้วก็ดีพระทัยจึงยกเมืองให้ท้าวคัชนามพร้อมทั้งนางกองสีท้าวคัชนามให้ชายร้อยกอเป็นอุปราชและชายร้อยเล่มเกวียนเป็นแสนเมืองเรียบเรียงจากธวัชปุ ณ โณทก: สารานุกรมวัฒนธรรมอีสานเล่ม 5. พ.ศ. 2542 หน้า 1616-1618 รอติดตามตอนต่อไป ที่มาของรูป : by lionmxl.