"การฝึกควบคุมการหายใจ" เพื่อลดความเจ็บปวดขณะเบ่งคลอดนั้นมีความสำคัญมาก เพราะระยะเวลาที่เจ็บครรภคลอดใช้เวลาหลายชั่วโมง ปัจจุบันจึงมีวิธีการหายใจเพื่อลดความเจ็บปวดโดยนิยมใช้วิธีการ Ferdinand Lamaze ที่เน้นการหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อทรวงอกที่เหมาะสมกับระยะเวลาที่มดลูกหดรัดตัวและใช้วิธีการหายใจร่วมกับแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องเพื่อช่วยการเบ่งคลอดจังหวะของการหายใจจะเป็นไปตามระยะของการเบ่งคลอด วิธีการนี้จะช่วยให้หญิงตั้งครรภ์คลายความเจ็บปวดในระยะที่หนึ่งของการเบ่งคลอดด้วยตนเอง และสามารถเปลี่ยนลักษณะการหายใจไปตามความเจ็บปวดหรือความรุนแรงของการหดรัดตัวของมดลุกได้ นอกจากจะใช้บรรเทาความเจ็บปวดระหว่างคลอดแล้ว ยังทำให้เพิ่มกำลังในการเบ่งคลอดให้มากขึ้นด้วยดังนั้น หญิงตั้งครรภ์ควรเริ่มฝึกหายใจอย่างถูกวิธี ตั้งแต่ครรภ์ 6-7 เดือน เพื่อให้เกิดความเคยชิน และนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในระหว่างเจ็บครรภ์คลอดหลักการให้หายใจบรรเทาความเจ็บปวดระยะรอคลอดอย่างถูกวิธีการหายใจเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดขณะรอคลอด มี 4 วิธี ……..ก่อนจะเริ่ม และ จบ การหายใจในแต่ละวิธี จะมีการหายใจ เรียกว่า “การหายใจล้างปอด” ทุกครั้ง……….. การหายใจล้างปอด : คือ การสูดหายใจให้ลึกช้า ๆ เข้าทางจมูก ถ้าหายใจถูกต้องท้องจะป่องออก จากนั้นค่อยผ่อนลมหายใจช้า ๆ ออกทางปากให้รู้สึกท้องยุบ4 ขั้นตอนการหายใจบรรเทาความเจ็บปวดการหายใจวิธีที่ 1 การหายใจแบบช้า (ปากมดลูกเปิด 1-3 เซนติเมตร) เป็นระยะที่มดลูกหดรัดตัวที่ไม่รุนแรง ให้หายใจเข้าออกแบบช้าๆ ด้วยอก (Slow chest pattern) ใช้เมื่อเจ็บครรภ์คลอดไม่รุนแรง โดยขณะที่รู้สึกเจ็บปวดจากมดลูกหดรัดตัว หรือหน้าท้องแข็งตึง- เริ่มต้นด้วยการหายใจแบบล้างปอด 1 ครั้ง- ต่อด้วยหายใจเข้าลึก ๆ ทางจมูกช้า ๆ (พร้อมกับนับในใจ 1 2 3 4)- ผ่อนการหายใจออกทางปากช้า ๆ (พร้อมกับนับในใจ 1 2 3 4 5) ทำเช่นเดียวกันนี้ในอัตราเฉลี่ย 6-9 ครั้ง/นาที- ปิดท้ายด้วยการหายใจแบบล้างปอด 1 ครั้งการหายใจวิธีที่ 2 การหายใจแบบ ตื้น เร็ว เบา (ปากมดลูกเปิด 4-7 เซนติเมตร) เป็นระยะที่มดลูกหดรัดตัวรุนแรงยิ่งขึ้น ให้หายใจแบบช้าๆ สลับการหายใจแบบตื้น เบา เร็ว (Shallow accelerated-decelerated pattern)- เริ่มต้นหายใจแบบล้างปอด 1 ครั้ง- ตามด้วยขณะมดลูกเริ่มหดรัดตัว ให้หายใจแบบช้าก่อน (ตามวิธีที่ 1)- เมื่อมดลูกหดรัดตัวเต็มที่แล้วจึงเปลี่ยนเป็นการหายใจแบบตื้น ๆ เร็ว ๆ เบา ๆ ไปเรื่อย ๆ (คล้าย ๆ กับการหายใจเวลาเหนื่อยมาก ๆ คือหายใจ ถึงแค่ระดับคอ แล้วหายใจออก ทางปากถี่ๆ) จนรู้สึกว่ามดลูกคลายตัว จึงกลับไปหายใจแบบช้าอีกครั้ง-ปิดท้ายด้วยการหายใจแบบล้างปอด 1 ครั้งการหายใจวิธีที่ 3 การหายใจแบบตื้นเร็วและเป่าออก (ปากมดลูกเปิด 8-10 เซนติเมตร) ให้หายใจแบบตื้น เบา เร็ว และเป่าออก (Pant and blow pattern) เมื่อใกล้สิ้นสุดระยะที่ 1 ของการคลอด เพื่อความคุมความรู้สึกอยากเบ่งเนื่องจากในระยะนี้มดลูกหดรัดตัวแรงมาก หญิงตั้งครรภ์จะรู้สึกอยากเบ่ง ปฏิบัติโดยเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัว-เริ่มต้นหายใจแบบล้างปอด 1 ครั้ง-ตามด้วยการหายใจทางปากแบบตื้น ๆ เร็ว ๆ เบา ๆ 4 ครั้งแล้วเป่าลมออก 1 ครั้ง-เมื่อมดลูกคลายตัวให้หายใจแบบล้างปอด 1 ครั้งการหายใจวิธีที่ 4 การหายใจเพื่อเบ่งคลอด (ปากมดลูกเปิดหมด 10 เซนติเมตร Pushing) -หายใจเข้าทางจมูกให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลั้นลมหายใจ ปิดปากแน่น คางจรดหน้าอกพร้อมทั้งเบ่งลมไปทางช่องคลอด แล้วหายใจออกทางปาก-หลังจากนั้นหายใจเข้าซ้ำเช่นเดิมอีก ทำทั้งหมดประมาณ 3-4 ครั้งต่อการหดรัดตัวของมดลูก 1 ครั้ง-เมื่อหยุดเบ่งให้อ้าปากหายใจเข้าออกทางปากตื้น ๆ เร็ว ๆ 🎈🎈 ความเจ็บปวด ในการคลอดเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นความรูสึกไม่สุขสบายทางด้านอารมณ์และจะเกิดขึ้นเป็นพักๆไม่สม่ำเสมอ จึงสามารถเตรียมวิธีการจัดการได้ล่วงหน้า หากผู้คลอดมีพฤติกรรมการเผชิญความเจ็บปวดที่เหมาะสม จะส่งผลต่อความก้าวหน้าของการคลอดได้ดี ในทางกลับกันหากมีความกลัว วิตกกังวล อาจแสดงพฤติกรรมการเผชิญความเจ็บปวดที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้หญิงตั้งครรภ์เกิดความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดการคลอดล่าช้า จนเป็นสาเหตุให้หญิงตั้งครรภ์และทารกเป็นอันตรายได้ ดังนั้นวิธีการผ่อนคลาย ลดความเจ็บปวดด้วยการหายใจก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นการผ่อนคลาย ลดสิ่งเร้าทางอารมณ์ได้ โดยในระยะแรกเมื่อมีอาการเจ็บครรภ์ไม่มากให้ใช้วิธีการหายใจแบบช้า แต่เมื่อเจ็บปวดรุนแรงมากขึ้นจึงค่อยปรับมาหายใจแบบเร็ว โดยเริ่มใช้เมื่อมดลูกหดรัดตัวและรู้สึกเจ็บปวด หลักการสำคัญคือเมื่อเริ่มใช้การหายใจแบบเร็วไม่ว่าด้วยวิธีการใด จะต้องใช้วิธีการล้างปอด เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะเริ่มใช้วิธีการต่อไป และเมื่อสิ้นสุดการหายใจโดยวิธีนั้นจะต้องปิดท้ายด้วยการหายใจล้างปอดอีก 1 ครั้งเสมอCredit : รูปภาพที่1 commons.wikimedia , รูปภาพที่2 publicdomainpictures, รูปภาพที่3 flickr, รูปภาพที่4 peakpx