ไปหาที่เที่ยวพักปอดในช่วงหน้าหนาว ต้องที่นี่เลย อำเภอวังน้ำเขียวที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Ozone ของเมืองไทย อีก 1 ที่เพราะมีแหล่งท่องเทียวมากมาย ทั้งภูเขา น้ำตก เช่น เขาแผงม้า ผาชมตะวัน และอีกมากมาย นี่เป็นสถานที่ที่แวะ เพราะเราไปในช่วงฤดูหนาว หมอกก็จะเยอะหน่อย อากาศดีมากในวังน้ำเขียวก็จะมีไร่สตรอว์เบอร์รี่ข้างทางเยอะมาก เราสามารถเลือกแวะแต่ละไร่ได้เลย ไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากเราจะซื้อ555 :) เข้าวัดไหว้พระ ที่วัดบ้านไร่2 เพื่อเป็นสิริมงคลและเดินทางท่องเทียวอย่างปลอดภัย บริเวณทางเข้าวัดมีตลาดขายของฝากต่างๆ เช่น ของฝากที่เป็นจุดเด่นของวังน้ำเขียว คือ เห็ด ที่นำมาแปรรูป เช่น ชุปแป้งทอด แหนมเห็ด และอีกมากมาย นี่คือทางขึ้นที่พักของพวกเรา ซึ่งทางขึ้นชันมากและพื้นถนนเป็นหิน แล้วก่อนที่เราจะไป 1 วัน ฝนตก น้ำเซาะถนน ทำให้ถนนเป็นร่อง และรถขึ้นยากแล้วเราก็เอาของไปเก็บในที่พัก ที่พักจะมีเป็นหลังใหญ่ที่นอนได้ 5-6 คนและหลังเล็ก 1-2 คน และครัวเป็นแบบให้เราทำอาหารเองได้ตามสบายเลย เจ้าของที่พักใจดีมากและก็เป็นกันเองมากๆ เอาจริงๆพวกเราขับรถหลงทางอยู่ใกล้ๆที่พักนานมาก เพราะว่าถนนมันซ้อนกัน แล้วขับรถกว่าจะออกมาจากแถวที่พักได้นะ เกือบชั่วโมงได้ เหมือนวนอ้อมเขาทั้งลูก55555 จากที่แพลนกันว่าจะออกจากที่พักแล้วไปเขาใหญ่ แต่ก็ต้องตัดเขาใหญ่ทิ้งเพราะเสียเวลาไปกับการหลงทาง5555 เลยได้ที่เที่ยวที่ต่อมาเป็นโรงคั่วกาแฟ วันนั้นที่ไปคนเยอะมาก เพราะเป็นช่วงวันหยุดต่อกันหลายวัน หาที่จอดรถแทบไม่มี ที่นั่งรอก้แทบจะไม่มี แต่ก็เป็นสถานที่ที่คอกาแฟไม่ควรพลาดแล้วในนี้มีที่เพาะเห็ดด้วย แล้วเขาก็นำเห็ดมาแปรรูปด้วยเช่นกัน นี่คือที่ต่อมาคือ เขาแผงม้า แต่เราไปวันนั้นเขาปิดซึ่งเราขึ้นไปจนถึงจุดจอดรถข้างบนแล้วถึงเจอป้ายที่บอกว่าปิด เราเลยไปที่ผาเก็บตะวัน ตอนที่เราขึ้นไปน่าจะ 4 โมงกว่าๆแล้ว แต่แดดยังจัดอยู่เลย รูปนี่คือแบบต้องเดินลัดเลาะเต็นท์ที่เขาไปกางนอนเก็บบรรยากาศ ซึ่งคนก็เยอะมากเช่นกัน5555 :) นี่เป็นสถานที่สุดท้ายของวันนี้ ที่นี่คือชื่ออะไรไม่รู้ เราไปแบบเห็นที่ไหนสวยเราจอดหมด ที่นี่เป็นสวนดอกไม้ต่างๆ แต่ดอกกุหลาบก็จะเยอะหน่อย มีคาเฟ่ด้วย เหมาะสำหรับการชิมกาแฟชมสวนดอกไม้มากๆ และแล้วก็หมดไป 1 วัน กับการเที่ยวในวังน้ำเขียวที่เสียเวลาไปกับการหลงทางไปเกือบครึ่งวัน แต่ก็มีความสุขเพราะได้ไปเที่ยวกับครอบครัว