เห็บหมัดภัยเงียบในน้องหมาน้องแมว

286

Foofoo

11 เม.ย. 2020|2 min read

อ่านบทความอื่นจาก Foofoo

คัดลอกลิงค์

แจ้งตรวจสอบ

หัวข้อนี้เรามาพูดถึงเจ้าเห็บหมัด วายร้ายสำหรับสัตว์เลี้ยงของเรากันดีกว่าค่ะ

หลาย ๆ คนสงสัยกันไหมคะว่าทำไมบรรดาสัตวแพทย์ทั้งหลายถึงมักพร่ะบอกเหลือเกินว่าให้ป้องกันเห็บหมัดให้ได้สม่ำเสมอนะ ก็เพราะพวกเห็บหมัดนี่ละ คือพาหะสำคัญสำหรับโรคร้ายอย่างโรคพยาธิเม็ดเลือดในสุขันและแมวนั่นเองค่ะ เมื่อลูก ๆ ของพวกเราถูกกัดโดยเห็บหมัด พวกมันจะถ่ายเชื้อพยาธิเม็ดเลือดจากตัวมันเข้าสู่ร่างกายของลูก ๆ เรานั่นเอง

วงจรเห็บหมัด สงสัยต่อใช่ไหมคะว่าถ้าน้องติดอาการจะเป็นยังไงกัน

เริ่มจากการที่น้องเริ่มแสดงอาการซึม ไม่ทานอาหาร บางตัวมีไข้ขึ้น ๆ ลง ๆ เยื่อบุช่องปากมีสีซีด มีเลือดไหลออกจากจมูก บางตัวอาจพบว่ามีถ่ายเป็นสีดำ หรือเป็นเลือดสด และอาจพบลักษณะปัสสาวะมีสีน้ำตาลเข้มหรือมีเลือดปนได้ ในรายที่มีการตั้งท้องมีโอกาสทำให้เกิดภาวะการแท้งได้ ขาหลังดูอ่อนแรงและอาจพบอาการทางประสาทได้ เช่นมีภาวะชัก

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า น้องหมาน้องแมวติดพยาธิเม็ดเลือดหรือไม่

สังเกตุอาการเบื้องต้นที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น เมื่อพบความผิดปกตินี้ควรพามาพบสัตว์แพทย์
การตรวจเลือดดูค่าความสมบูรณ์ของเลือด (Complete blood count), ตรวจค่าเคมีในเลือด (Blood chemistry), การนับจำนวนเกล็ดเลือด (Pletelet count), ตรวจหาพยาธิเม็ดเลือดจาก Blood smear, การตรวจหา Antibody ต่อเชื้อพยาธิเม็ดเลือดจากการตรวจ Snap 4Dx เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคพยาธิเม็ดเลือด น้องมีความจำเป็นต้องกินยาฆ่าเชื้อต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน ถึง1 เดือนครึ่ง และให้คอยมามอนิเตอร์ค่าเลือดและดูอาการเป็นระยะ

จะขอเล่าเรื่องแมวส้มใหญ่ให้ฟังกันหน่อยค่ะ น้องอายุ 2 ปี และเริ่มมีอาการซึม ไม่ทานอาหาร น้ำหนักลดและมีไข้ พอได้ทำการตรวจร่างกายและตรวจเลือดพบว่ามีปัญหาเป็นโรคพยาธิเม็ดเลือด ช่วง 2 - 3 วันแรก น้องต้องแอดมิทให้น้ำเกลือและฉีดยา พอเริ่มมีแรง เริ่มทานอาหารได้จึงปรับเป็นยากินและให้กลับไปดูแลที่บ้าน ล่าสุดน้องมาตามอาการ น้องแข็งอ้วนท่วมเชียวค่ะ

น้องไม่สบาย หายแล้วจ้า พาน้อวหมาน้องแมวมาหาหมอกันนะคะ
จะเห็นว่า การรักษามันช่างยุ่งยาก เราป้องกันก่อนที่น้องจะป่วยนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด ฉะนั้นจึงอยากขอฝากคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายว่า ได้เวลาป้องกันเห็บหมัดกันแล้วค่ะ