อื่นๆ

เปรตวัดร้าง

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เปรตวัดร้าง

เปรตวัดร้าง

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในช่วงฤดูหนาว ในช่วงเช้าตรู่ซึ่งยังไม่สว่างมากนัก  มีวัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน มีพระจำวัดอยู่เพียง 3 รูป ถือว่าเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านในละแวกนี้ เนื่องจากชาวบ้านที่นี่ ชอบเข้าวัดทำบุญฟังพระเทศอยู่เป็นประจำ ชาวบ้านต้องตกใจหลังจากทราบข่าวว่า

หลวงตาที่วัด ซึ่งอาพาธมานาน ด้วยความทรมานหลวงตาตัดสินใจลาโลกนี้ด้วยการ ผูกคอตาย ชาวบ้านต่างรู้สึกโศกเศร้าเสียใจมาก เพราะหลวงตารูปนี้ถือว่าเป็นพระที่ปฏิบัติดีมาตลอด หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น พระในวัดก็ค่อยๆ ย้ายออกไปจำวัดที่อื่น

ในที่สุดวัดแห่งนั้น ก็ไม่มีพระจำวัดอยู่เลย ชาวบ้านออกตระเวนนิมนต์พระมาจำวัดที่นี่ พอทราบเรื่องราวก็ไม่มีพระรูปไหนกล้ามาจำวัดที่นี่ ท้ายที่สุดวัดนั้นก็กลายเป็นวัดร้าง

Advertisement

Advertisement

ในช่วงฤดูหนาว กลางคืนจะมีลมแรง ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ วัดจะได้ยินเสียงลมและเสียงหวีดอยู่เป็นกระจำ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเป็นเพียงแค่เสียงลม แต่ยิ่งนับวันเสียงหวีดนั้นก็ดังขึ้นเรื่อยๆ บางคืน ลูกเล็กเด็กแดงต่างก็นอนไม่ได้ร้องไห้งอแง

ชาวบ้านจึงนัดแนะกัน จะออกมาพิสูจน์ว่า เสียงนั้นเป็นเสียงอะไร เป็นแค่เสียงลมหรือลมไปกระทบกับอะไร คืนวันนั้นเองพอเสียงเริ่มดังขึ้น เช้าบ้านต่างก็เอาไฟฉายจับกลุ่มกันออกมา เดินตามเสียงไปเรื่อยๆ เสียงนั้นช่างโหยหวนยิ่งนักเดินไปเดินมา จึงเห็นว่าเริ่มเข้ามาใกล้วัด มีชาวบ้านคนหนึ่งชวนกลับบอกว่าอากาศเริ่มหนาวขึ้นกว่าเดิม แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่บอกว่าไหนๆ ออกมาแล้ว ก็จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าที่มาของเสียงนั้นมันคืออะไร

ในคืนวันนั้นเป็นเดือนหงาย จึงไม่ค่อยมืดมากนัก มีเช้าบ้านคนหนึ่งเหลือบขึ้นไปมองบริเวณวัดเห็นเงาดำสูงใหญ่ จึงถามชาวบ้านด้วยกันว่า นั่นต้นอะไรทำไมมันไม่คุ้นเลย ตรงนั้นมีต้นไม้ด้วยเหรอ ชาวบ้านต่างหันไปมอง ทุกคนเอาพยายามเอาไฟส่องแต่ก็ไม่สว่างเห็นเพียงสลัวๆ

Advertisement

Advertisement

แต่สิ่งที่ชาวบ้านต้องตะลึง เงานั้นกลับเคลื่อนที่ได้เหมือนจะหันมาที่ชาวบ้านและยกแขนขึ้นทั้งสองข้าง ชาวบ้านต่างตกตะลึงพูดไม่ออกขาสั่นไปตามๆ กัน เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้นโหยหวนอย่างบอกไม่ถูก พอได้สติคิดได้อย่างเดียวคือ ต้องวิ่งเท่านั้น ทุกคนวิ่งล้มลุกคลุกคลานกลับเข้าบ้านในทันที คงเป็นอะไรไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ เปรต

หลังจากวันนั้น ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันเจ็บป่วยเป็นไข้กันอย่างหนักด้วยความกลัว พออาการเริ่มดีขึ้นแล้วจึงปรึกษากันในหมู่บ้าน ชวนกันทำพิธีอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเปรตที่วัด เมื่อเสร็จพิธีหลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้ยินเสียงหรือพบเจออีกเลย

ภาพโดย Stefan Keller จาก Pixabay

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
บวรครบุรีBovornKhonburi
บวรครบุรีBovornKhonburi
อ่านบทความอื่นจาก บวรครบุรีBovornKhonburi

คิดถึงบทความดี​ ๆ​ ต้องมาที่​ บวร.

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์