เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.62 เราได้มีโอกาสเข้าร่วมงานวิ่งเขาใหญ่มาราธอน ซึ่งเราได้ทำการสมัครเพื่อร่วมการแข่งขันไว้ล่วงหน้าและซุ่มซ้อมมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว การลงวิ่งครั้งนี้เป็นการวิ่งในระยะฟูลมาราธอนครั้งแรกในชีวิตของเรา (42.195 กม.) จริงๆแล้วแม้แต่ตอนซ้อมเรายังไม่เคยซ้อมถึงระยะนี้มาก่อนเลย ถามว่าตื่นเต้นมั้ยกับการเพิ่มระยะการวิ่งถึงขั้นฟูลมาราธอน??ตอบได้เลยว่าก็มีบ้าง แต่กลับเป็นกังวลเพราะกลัวการ DNF (DO NOT FINISH) มากกว่า เราเริ่มเดินทางไปเขาใหญ่ในช่วงบ่ายของวันที่ 30 พ.ย.62 ได้เข้ารับเสื้อและ BIB ที่หน้างานในเย็นวันนั้น การเดินทางครั้งนี้ถือว่าเป็นการไปท่องเที่ยวพักผ่อนด้วยและวิ่งมาราธอนด้วย เราได้เข้าพักที่แบมบูรีสอร์ทเพื่อพักผ่อนและเตรียมตัวในการแข่งขันของวันรุ่งขึ้น เข้านอนเร็วตั้งแต่ 20.00 น. เพราะต้องตื่นเวลา 02.00 น. เพื่อมาวอร์มร่างกายและเข้า check in ณ จุด start เวลา 03.30 น. งานนี้เริ่มปล่อยตัวนักวิ่งระยะมาราธอนในเวลา 04.00 น. ณ ช่วงเวลาปล่อยตัวเราสามารถวิ่งระดับเพซ 6 ได้ปกติ และเริ่มลดเพซลงเมื่อเข้าสู่ กม.ที่18 เนื่องจากเวลาลงเนินเรารู้สึกมีอาการเสียวแปล๊บที่หัวเข่าด้านขวา กม.ที่ 20 - 25 เป็นช่วงที่เข้าสู่ "ทอสคานา" เลยถือเป็นการดีที่ได้ลดเพซลง เพราะจะได้หยุดเดินสลับวิ่งเพื่อให้ตัวเองเยี่ยมชมบรรยากาศสวยๆในทอสคานาอีกด้วย เมื่อผ่าน กม.ที่ 25 ไปแล้วเราจำเป็นต้องเริ่มหยุดยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกๆ 2 กม. เพราะกล้ามเนื้อเราเริ่มไม่ไหวแล้ว มีอาการตึงและมีตะคริวขึ้นเป็นระยะๆ และเมื่อผ่าน กม. ที่ 30 แดดก็เริ่มร้อน ที่ฝ่าเท้าก็เริ่มรู้สึกมีอาการปวดหนึบ แถมเรายังรู้สึกเริ่มถอดใจ เริ่มไม่อยากก้าวเท้าต่อไปแล้วล่ะ แต่ก็ต้องประคองตัวเองต่อไปเรื่อยๆ คิดในใจไว้เสมอว่าอีกแค่ 10 กว่าโลเอง อีกนิดเดียว เดินบ้าง วิ่งบ้าง จอดยืดเหยียดกล้ามเนื้อบ้างเมื่อรู้สึกไม่ไหว ตะโกนให้กำลังใจเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆบ้าง เขาตะโกนให้กำลังใจเราบ้าง (อีกนิดเดียว! อีกนิดเดียว!) กว่าจะผ่านได้แต่ละ กม. ช่างดูยาวนานและยากเย็นกว่าปกติเป็นหลายเท่าเสียเหลือเกิน การวิ่งระยะฟูลมาราธอนครั้งนี้ของเราจบลงด้วยเวลา 05.27 ชม. เรียกได้ว่าเป็น New PB (New Personal Best) เพราะเราไม่เคยวิ่งได้ไกลและนานขนาดนี้มาก่อนเลยความรู้สึกของตัวเองเมื่อถึงเส้นชัยคือ ดีใจสุดๆ ดีใจที่ทุกอย่างได้จบลงและผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ดีใจที่ไม่ถอดใจเสียก่อนแล้วปล่อยตัวเอง DNF อย่างที่กังวลในตอนแรก ดีใจที่ตัวเองสู้และอดทนเพื่อให้บรรลุความตั้งใจที่ได้ตั้งไว้อย่างแน่วแน่ ดีใจที่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้พิสูจน์ตัวเองได้สักที การวิ่งมาราธอน ถ้าไม่นับรวมตอนกดสมัครที่ต้องแข่งขันกันก่อนที่มันจะเต็ม ก็ถือว่าเป็นกีฬาที่ต้องแข่งขันกับตัวตนของตัวเองล้วนๆไม่ว่าจะเป็นตอนตื่นขึ้นมาเตรียมตัว เพื่อวอร์มร่างกายก่อนออกวิ่งและระหว่างวิ่งที่ต้องพบเจอกับอุปสรรคอื่นๆอีกมากมาย ทั้งเส้นทางที่เป็นทางลาดชันสลับเนินบ้าง ทั้งแดดที่ร้อน ร่างกายที่เริ่มเหนื่อยล้า ขาที่มีตะคริวจ้องจะขึ้นมาเล่นงานเราตลอดเวลา ทำให้เราต้องยืนกอดเสาร์บ้าง เกาะรั้วบ้านชาวบ้านบ้างเพื่อยืดเหยียดกล้ามเนื้อ รวมทั้ง... สภาพจิตใจที่เริ่มถอดใจไม่อยากต่อสู้กับอุปสรรคที่เกิดขึ้น การวิ่งมาราธอนเป็นการพาร่างกายตัวเองมาทรมานจริงๆ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรสชาติที่เราเติมให้กับชีวิตตัวเอง ถามว่ายังจะวิ่งต่อไปมั้ย?? "วิ่งเหมือนเดิมคร้า"😁 ภาพทั้งหมดได้จาก : เฟสบุ๊กส่วนตัวไอ้ต๊อง😜เองค่ะ