ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน ถือว่าเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของฤดูกาล น้ำในสระจะลดปริมาณลงอย่างรวดเร็วแบบวันต่อวัน ช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสทองของการกินปลาตามธรรมชาติ พอน้ำแห้งเหลือติดก้นสระไม่เท่าไหร่ เราก็จะวิดน้ำลุยโคลนหาปลากัน ปลาในสระแบบธรรมชาติจะมีหลายชนิด เช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลาหมอ ปลากระดี่ ปลานิล ปลาใน ปลาตะเพียน ทั้งตัวเล็กและใหญ่ปะปนกัน ปริมาณปลาที่จับได้จะมากหรือน้อยนอกจากขึ้นอยู่กับสระเล็กหรือสระใหญ่แล้ว ก็อยู่ที่ว่าสระนั้นอยู่ในที่ลุ่มและใกล้หนอง บึงหรือแม่น้ำตามธรรมชาติหรือไม่ สระน้ำที่ไปจับปลาวันนี้ เป็นสระน้ำหลังบ้าน ทำให้ได้ปลาไม่มาก แต่ก็พอที่ช่วยให้อิ่มท้องไปเป็นเดือนเหมือนกัน ปลาตัวใหญ่หน่อยก็เอาไปต้มยำกินสด ๆ ริมสระน้ำนั่นแหละ ที่เหลือก็ย่างหรือลาบ และที่เหลือจากนั้น ก็จะเอาไปทำไปผ่า แล่ หมักเกลือ ย่างและตากแห้ง ตำเป็น “ปลาผง” เอาไว้กินตลอดช่วงฤดูแล้ง วิธีการทำไม่ยาก มาดูกันเลยครับ 1.คัดเอาปลาที่เลือกแล้วว่าจะทำ ซึ่งขนาดไม่สำคัญ แต่ส่วนใหญ่เลือกขนาดกลาง ๆ 2.ขอดเกล็ดและผ่าท้องเอาสิ่งที่กินไม่ได้ทิ้งไป 3.เตรียมเกลือ(ที่บ้านใช้เกลือสินเธาว์)ให้มีปริมาณเหมาะสมกับปลา คือ ไม่ทำให้ปลาเค็มเกินไป 4.เอาปลาลงไปคละเคล้ากับเกลือให้เข้ากันหรืออาจจะประยุกต์ด้วยการใส่เครื่องปรุงรสก็ได้ 5.ก่อไฟจากเตาถ่าน ที่ใช้เตาถ่านเพราะจะทำให้ปลามีกลิ่นหอมจากถ่าน 6.เอาปลาลงย่างบนตะแกรง ใช้ไฟกลาง ๆ ไม่แรงมาก พลิกปลาที่ย่างกลับด้านไปมาเสมอ ๆ 7.สังเกตดูว่าปลาสุกและเนื้อหนังแห้งดีแล้ว เอาใส่ถาดพักไว้ให้เย็น 8.เอาปลาใส่ถาดตากแดดให้แห้ง ถ้าได้แดดแรง ๆ ยิ่งดี ตากจนกว่าปลาจะแห้งสนิท วิธีตรวจสอบคือใช้มือกดหรือหักชิ้นปลาดู ถ้าแตกผุง่าย แปลว่าใช้ได้แล้ว 9.เตรียมครก ล้างตากแดดให้สะอาด จากนั้นก็เอาปลาใส่ครก ตำให้ละเอียด เทคนิคคือใส่ปลาครั้งละ 1 ส่วน 3 ของครกก็พอ 10.เมื่อตำละเอียดดีแล้วก็ตักใส่กระปุกไว้ ปิดฝาให้สนิท อย่าให้อากาศเข้าได้ เพราะจะทำให้ผงปลาชื้นจับตัวเป็นก้อนและอาจเกิดเชื้อราได้ วิธีการเอามารับประทานนั้น ที่นิยมกันจะมี 3 แบบ คือ 1.ตักปลาผงโรยบนข้าวสวยร้อน ๆ แล้วทานได้เลย แบบนี้ผมทำประจำ จะเอาพริกป่นโรยด้วย เด็ดผักติ้วหรือมะเขือพวงอีกนิดหน่อย ทานคู่กัน ก็รอดแล้วหนึ่งมื้อ 2.เอาปลาผงไปผสมกับน้ำปลาและอื่น ๆ ทำเป็นน้ำพริกปลาผงไว้กินกับผักต่าง ๆ 3.เอาปลาผงโรยใส่แกงอื่น ๆ ก็ได้สุดแท้แต่ใครชอบทานแกงอะไร เช่น แกงเลียง แกงฟักทอง แกงเผือก “ปลาผง” นี้ ที่บ้านเอาไว้ทานเวลาไม่มีอาหารประเภทเนื้อปลาทาน เพราะสมัยก่อนเราจะได้ทานปลาตามฤดูกาลเท่านั้น พอถึงหน้าแล้งก็หากินตามฤดูกาลไป เช่น ไข่มดแดง ผักหวานและพืชผักอื่น ๆ จะมีเนื้อหมูและไก่หรือเป็ดบ้าง ก็เฉพาะเวลามีงานสำคัญของครอบครัวหรือของหมู่บ้านเท่านั้น “ปลาผง” จึงเป็นหนึ่งใน 2 เสบียงหลัก(อีกอย่างหนึ่งคือปลาร้า)ที่สำคัญมากในการดำรงชีวิตและเป็นเครื่องการันตีว่า ชีวิตจะรอดตลอดฤดูร้อนแน่นอน ภาพประกอบถ่ายโดยผู้เขียน