เดือนหน้าก็ถึงวันสงกรานต์แล้ว ดีใจมาก ๆ เลยที่จะได้กลับบ้าน นอกจากจะได้หยุดงาน ได้กลับไปเยี่ยมเยียน และสวัสดีปีใหม่ไทยพ่อกับแม่แล้ว เรายังได้มีโอกาสรดน้ำดำหัวคนแก่คนเฒ่าในหมู่บ้านอีกด้วย ซึ่งการรดน้ำดำหัวได้ให้คุณค่ามากมาย วันนี้เราเลยจะพาทุกท่านไปดูประเพณีรดน้ำดำหัวในวันสงกรานต์ ที่บ้านโนนซาด-ไผ่ล้อม ซึ่งเป็นบ้านเกิดเราเองค่ะ ประเพณีรดน้ำดำหัว ถูกจัดขึ้นในวันที่ 14 เมษายน ของทุกปี ที่บ้านโนนซาต-ไผ่ล้อม ต.ดงใหญ่ อ.พิมายจ.นครราชสีมา เป็นประเพณีไทยที่สืบเนื่องมาจากวันสงกรานต์ เพื่อเป็นการขอขมา เป็นการแสดงความเคารพนบน้อบต่อ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ภายในหมู่บ้าน และเป็นการขอพรปีใหม่เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต โดยในวันงาน ช่วงเช้าประมาณ 6 โมงเช้า จะมีการทำบุญตักบาตร และจะนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ให้พรกับผู้ที่มาร่วมทำบุญ จากนั้นก็จะกินข้าวกินปลากัน ภายในงานนั่นแหล่ะ โดยกับข้าวกับปลา ก็จะมีทางกลุ่มคณะแม่บ้านช่วยกันจัดหาจัดเตรียมไว้ตั้งแต่เช้ามืดตี 3 ตี 4 เพื่อให้ทันงานตอนเช้า กับข้าวก็จะเรียบ ๆ ง่าย ๆ แต่อร่อยทุกอย่าง และจะมีกับข้าวบางส่วนที่ผู้ทำบุญนำมาใส่บาตรด้วย เมื่อกินข้าวเสร็จก็จะเป็นพิธีมอบเงินสนับสนุนให้กับทางวัด โรงเรียน สถานีอนามัย กลุ่ม อสม. กลุ่ม อปพร. ผู้สูงอายุและเด็ก ๆ ภายในหมู่บ้านที่มีอายุไม่เกิน 12 ปี โดยเงินนั้นทางผู้ใหญ่บ้าน (พ่อเราเอง) ได้นำมาจากดอกเบี้ยของกองทุนหมู่บ้านมามอบให้นั่นเองค่ะ จากนั้นก็มาถึงไฮไลท์สำคัญ ก็คือ จะให้ผู้สูงอายุมานั่งเรียงกันตามเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ให้ โดยผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีอายุมากสุดจะนั่งหน้าสุดเลย แล้วเรียงอายุกันไป แล้วมัคทายกก็จะนำพวกเรากล่าวคำขอขมา แล้วก็เข้าพิธีรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุกัน ลูกหลานในหมู่บ้านต่างก็มากันอย่างถ้วนหน้า เพื่อมาขอพรให้เป็นสิริมงคลต่อตัวเอง และอวยพรให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานไปนาน ๆ โดยอุปกรณ์ที่ใช้รดก็จะเป็นน้ำมนต์ กิ่งมะยม ขันใบเล็ก หรือใครจะกรอกน้ำใส่ขวดก็ได้ ถือว่าสะดวกไปอีกแบบ พอรดน้ำเสร็จก็ให้ผู้สูงอายุได้รำวงร่วมกันอีกด้วย มีความสนุกครื้นเครงมาก ๆ บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วย ผู้สูงอายุ ผู้หลักผู้ใหญ่ ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้อง คนรู้จัก มาร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะต่างคนก็ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพทำงานอยู่ต่างจังหวัด จะเจอหน้าคร่าตากันที ก็คงจะเป็นแค่วันสงกรานต์กับวันปีใหม่นี่แหล่ะค่ะ ดูแล้วช่างอบอุ่นและมีความสุขที่สุด ได้เห็นความสามัคคี ความร่วมด้วยช่วยกันของคนในหมู่บ้าน เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เป็นภาพที่หาดูยากค่ะในปัจจุบัน การที่คนในหมู่บ้าน ได้มาร่วมงานกันในวันสำคัญเช่นนี้ เป็นประจำทุก ๆ ปี จะช่วยเสริมสร้างความสมัครสมานสามัคคีรักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้น เพราะสังคมสมัยใหม่ เป็นไปแบบตัวใครก็ตัวมัน ญาติพี่น้องแทบไม่มีโอกาสพบปะพูดคุยกัน หรือพบกันก็น้อยเต็มที สุดท้ายนี้จึงอยากให้ลูกหลานบ้านเราช่วยกันอนุรักษ์รักษาประเพณีอันดีงามของคนไทยและของหมู่บ้านให้คงอยู่สืบต่อไปนะคะ ภาพประกอบและหน้าปกโดยผู้เขียน