อื่นๆ

บอกว่าอย่าหันกลับไปมอง

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
บอกว่าอย่าหันกลับไปมอง

เมื่อก่อนสมัยที่ฉันยังเป็นนักเรียนมัธยมต้นฉันได้มีโอกาสเห็นพิธีความเชื่อต่างๆในหมู่บ้านมากมาย หนึ่งในพิธีที่ทำให้ฉันลืมไม่ลงก็คือพิธีเลี้ยงศาลปู่ตาและผีไร้ญาติตอนเดือนกรกฎาคมหรือผู้เฒ่าผู้แก่ชอบเรียกว่าเดือน ๖ ซึ่งที่อื่นอาจจะทำพิธีในเดือนสิงหาคมก็มีบ้างเหมือนกัน

ตอนนั้นก่อนที่จะมีการทำพิธี ยายของฉันจะเอากาบกล้วยมาทำเป็นกระทงสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยม หมาก บุหรี่ เมี่ยง ขนมต้ม และที่ขาดไม่ได้เลยคือข้าวดำข้าวแดงอย่างละก้อนสองก้อน ฉันมองดูของในกระทงแล้วด้วยความไม่รู้จึงบอกยายเป็นภาษาโคราชไปว่า

"น่ากินแถ่ะยาย ข้าวดำข้าวแดงมันจิอร่อยไหมนิ"

"ตีปากให้ เขาบ่ให้เว่าเด้นี่ ของผีบ่แม่นของคน" ฉันรีบตบปากตัวเองสามทีอย่างรวดเร็วเมื่อพูดอะไรผิดไป กว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยยายก็ให้ฉันมายืนรอกับน้องสาวที่หน้าบ้านจะได้ไปทำพิธีด้วยกัน

Advertisement

Advertisement

พิธีเลี้ยงปู่ตาเป็นไปด้วยความราบรื่นหลังจากนั้นก็ถึงคิวเลี้ยงผีไร้ญาติ โดยทุกคนก็ต้องเอากระทงของตัวเองไปวางไว้หรือแขวนไว้ตามข้างทางเพื่อให้ผีไม่มีญาติมากิน เมื่อวางเรียบร้อยทุกๆคนก็รีบเดินออกมาทันที ยายก็มาคว้ามือฉันกับน้องรีบเดินจ้ำกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว

"สูสองคนอย่าหันไปแนมเด็ดขาดเลย ย่างกลับบ้านอย่างเดียว" พูดเพียงเท่านั้นแล้วยายก็พาเดินกลับหากแต่คำพูดคำเตือนของยายยิ่งทำให้เด็กน้อยอย่างฉันอยากรู้มากขึ้นไปอีก ฉันอดไม่ได้จึงหันกลับไปมองถนนที่ข้างๆมีกระทงมากมาย หากตาไม่ฝาดสิ่งที่ฉันเห็นในกระทงที่ใกล้ที่สุดคือของเน่าลงอย่างน่าตกใจ

ภาพโดย Thomas Budach จาก Pixabay ภาพโดย Thomas Budach จาก Pixabay

เวลาเพิ่งผ่านไปไม่นานเองทำไมถึงได้เน่าเร็วขนาดนี้แล้วของทุกอย่างคือของที่ทำมาสดๆใหม่ๆไม่ได้ค้างคืนด้วยซ้ำ ทันใดนั้นยายก็หันมามองฉันก่อนจะร้องขึ้นด้วยความตกใจและโกรธไม่น้อย

Advertisement

Advertisement

"ฮ้วย! คือสิมาหน้าหลึ่มแท้ บอกอยู่ว่าบ่ให้หันไปเบิ่ง!" ฉันสะดุ้งได้แต่ยิ้มแหยๆกับคำต่อว่าของยายก่อนจะรีบเดินกลับบ้านกับยายไม่พูดต่อปากต่อคำอะไรแม้แต่สักคำเดียว

มาถึงบ้านฉันก็ถูกยายจับล้างหน้าล้างเท้าทันทีโดยเด็ดใบทับทิมมาแช่ในถังให้ล้าง ก่อนจะจับถอดเสื้อผ้าอาบน้ำโดยที่ฉันได้แต่งงเพราะก่อนหน้านั้นฉันก็เพิ่งอาบน้ำไป

"ยายหนูอาบน้ำแล้วเด้ะ"

"อาบแล้วกะอาบอีก จั่งแม่นมามึนคักแท้น้อ ส่อหล่อแส่แหล่คัก เว่ากะบ่ฟังความ" ยายอาบไปด่าไปส่วนฉันก็ได้แต่นั่งเฉยๆให้แกอาบจนกระทั่งสระผมให้ส่วนเสื้อผ้ายายก็ทิ้งเอาไว้นอกบ้าน เก็บไว้ซักทีหลังเพราะกลัวสิ่งอัปมงคลเข้าบ้าน

ตกดึกวันนั้นฉันเองก็ลืมเรื่องกระทงเน่าไปเสียสนิทเพราะมีละครให้สนใจแทนซึ่งยายก็ยังคงสวดมนต์นั่งสมาธิในห้องพระ พอละครจบฉันก็รีบไปนอนทันทีเพราะความง่วงและวันรุ่งขึ้นยังต้องไปโรงเรียนแต่เช้า เมื่อปิดไฟปิดโทรทัศน์แล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบและความมืดคืนนั้นฉันนอนหลับสนิทไม่ได้รู้สึกอะไร

Advertisement

Advertisement

moon ภาพโดย Michael Treu จาก Pixabay

แต่ตื่นเช้ามาแม่เล่าให้ฟังว่าตอนกลางดึกตื่นมาเข้าห้องน้ำแล้วได้ยินเสียงหมาหอนกันเกรียวกราวอยู่ที่หน้าบ้าน ด้วยความสงสัยแม่จึงเดินออกไปดูด้วยแสงไฟจากถนนส่องมาไกลๆสว่างพอจะเห็นอะไรบางอย่างที่หน้าบ้านรางๆ นาทีนั้นแม่เห็นร่างของคนกว่าสิบคนมายืนอยู่หน้าบ้าน รูปร่างหน้าตาเสื้อผ้าแทบดูไม่ได้มีหมาเห่าและหอนไม่หยุด

พวกเขาเข้ามาไม่ได้ได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นดูเหมือนอยากจะเข้ามามาก ขนแม่ลุกซู่ตลอดเวลาที่แม่เล่าส่วนยายก็ได้แต่สงสารเวทนาคนพวกนั้น แกว่าเพราะกำลังบุญมีน้อยเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากมาด้วยสภาพนั้นและยืนรอส่วนบุญจากคน หลังจากวันนั้นพวกเราก็เลยพากันไปทำบุญถวายสังฆทานทั้งครอบครัว

แม่บอกว่าไปทำบุญที่ไหนก็จะนึกถึงผีที่ไร้ญาติด้วยเพราะสภาพอันน่าเวทนานั้นยังคงติดตามาจนถึงทุกวันนี้

ขอบคุณภาพปก

ภาพโดย ArtTower จาก Pixabay

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์