ความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลังเป็นสิ่งที่อยู่ค่กับสังคมไทยมาตั้งแต่ในอดีต เพราะแต่เดิมก่อนที่ศาสนาจะเข้ามามีอิทธิพลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ผู้คนในแถบนี้โดยเฉพาะในเขตแผ่นดินใหญ่จะนับถือผีเป็นหลัก คำว่าผีหมายถึงดวงวิญญาณแต่มีอีกนัยยะหนึ่งคือเป็นเทพ ซึ่งเทพเหล่านี้ให้ทั้งคุณและให้ทั้งโทษ และผีหรือดวงวิญญานนั้นมีความหมายที่กว้างมาก เช่น ผีป่า ผีเขา หรือแม้กระทั่งผีบรรพบุรุษ หรือผีปู่ย่า ผีเหล่านี้จะถูกให้ความเคารพ มีการทำพิธียกเครื่องเส้นบัตรพลีตามประเพณีแล้วแต่วาระโอกาสของความเชื่อแต่ในแต่ละท้องถิ่น เมื่อได้รับวัฒนธรรมเของอินเดียเข้ามาโดยเฉพาะด้านศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธหรือศาสนาพราหมณ์เมื่อเข้ามาในท้องถิ่นแล้ว จะถูกผสมผสานเข้ากับแนวทางความเชื่อเดิมของท้องถิ่น เป็นการปรับให้เข้ากับเเนวคิดเดิมที่มีการสืบทอดต่อกันมา โดยเฉพาะการสร้างรูปเคารพ ในเรื่องของการสร้างรูปเคารพ ทั้งศาสนาพุทธและพราหมณ์ที่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียนั้นเป็นศาสนาที่อยู่ในช่วงยุคหลังโดยเฉพาะพระพุทธศาสนา การสร้างรูปเคารพในศาสนานี้มีมานานแล้วนับพัน ๆ ปี หลังจากสิ้นราชวงศ์โมรียะหรือเมารยะ (ในภาษาสันสกฤต) แล้ว พระเจ้ามิลินกษัตริย์กรีกได้มาปกครองอินเดียทางตอนเหนือ มีความรักความศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงได้นำประติมากรรมเทพอพลอโล่มาเป็นต้นแบบในการสร้างพระพุทธรูป และจากนั้นมารูปเคารพทางพระพุทธศาสนาก็กระจายไปทั่วทุกที่ที่พระพุทธศาสนาเข้าไปถึง โดยเฉพาะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากศิลปะรูปเคารพทางพระพุทธศาสนาได้เข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในเขตแผ่นดินใหญ่ก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับคติความเชื่อของคนในท้องถิ่น โดยเฉพาะในเขตประเทศไทย การสร้างพระพุทธรูปและรูปเคารพทางพระพุทธศาสนานิยมสร้างทั่วทั้งภูมิภาคของประเทศ และมีทุกยุคทุกสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่ยมสรางคือพระพิมพ์ พระพิมพ์หรือพระพิมพ์ดินเผาเป็นพระขนาดเล็กนิยมสร้างกันทุกยุคทุกสมัย เจตนาการสร้างของผู้ศรัทธาก็เพื่อทำบุญหรือบำเพ็ญบุญ ที่สำคัญคือเพื่อการสืบทอดพระพุทธศาสนา ให้ยืนยาวอยู่ได้ตลอดจนครบ 5,000 ปี วิธีการทำพระพิมพ์ดินเผาคือ นำดินเหนียวผสมมวลสารต่าง ๆ มากดในแม่พิมพ์แล้วนำไปเผาคล้ายเครื่องปั้นดินเผา จากนั้นจึงนำเข้ากรุหรือเอาไว้ในเจดีย์ ใต้วิหาร สถานที่สำคัญต่าง ๆ ของวัด จากนั้นจึงปิดผนึก เจตนาการสร้างของผู้ศรัทธาก็เพื่อทำบุญหรือบำเพ็ญบุญ ที่สำคัญคือเพื่อการสืบทอดพระพุทธศาสนา ให้ยืนยาวอยู่ได้ตลอดจนครบ 5,000 ปี เมื่อกาลเวลาผ่านไปศาสนสถานได้พังลงหรือที่นักเล่นพระจะเรียกว่ากรุแตก คนที่ไปเห็นจึงได้นำพระเหล่านี้มาวางแผงให้เช่า หรือทางวัดมีความต้องการที่จะสร้างศาสนสถานหรือบูรณะวัด ก็จะนำพระกรุเหล่านี้มาแจกจ่ายญาติโยมผู้ที่มาร่วมบุญ พระพิมพ์เหล่านี้ยิ่งเก่ามากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีค่า ประกอบกับความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ยิ่งทำให้เกิดมูลค่าที่มากขึ้น ตลอดจนความมีชื่อเสียงของพระเกจิในด้านพุทธคุณทำให้ราคานั้นสูงมากขึ้น ด้วยการถูกตีมูลค่าจึงทำให้เกิดเรื่องของการตลาด มีการหมุนเวียนเปลี่ยนของพระกรุเหล่านี้ ตลอดจนพระที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ยิ่งมีพุทธคุณมาก ศักดิ์สิทธิ์มาก ก็ยิ่งยิ่งมีราคาสูง ด้วยเหตุนี้จึงมีตลาดพระ หรือแผงพระเกิดขึ้นทุกหนทุกแห่งในประเทศไทย ตลาดแผงพระเกิดมาตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นก็ไม่ทราบได้ แต่ที่เเน่นอนที่สุดคืออยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานแล้ว บ้างก็เป็นแหล่งใหญ่อย่างท่าพระจันทร์ในกรุงเทพฯ ในโคราชตลาดแผงพระอยู่ที่ใต้ถุนโรงแรมเมืองทองหลังอนุสาวรีย่าโม ที่อยุธยาตลาดพระอยู่ใกล้ตลาดหัวรอตรงข้ามพระราชวังจันทร์เกษม เป็นต้น ธุรกิจเหล่านี้อยู่ได้ยาวนานเพราะความศรัทธาของผู้คน แต่ก็มีบ้างสำหรับผู้สนใจในงานศิลปะ รักในความสวยความงามของประติมากรรมขนาดเล็ก และยิ่งคนที่ชอบของเก่า ๆ ด้วยแล้ว ยิ่งเสาะแสวงหาเอามาไว้ในความครอบครองของตนให้จงได้ ด้วยเหตุนี้ธุรกิจตลาดแผงพระจึงอยู่ได้ยาวนานไม่ยอมหายไปจากสังคมไทย ความมั่งคั่งนี้ทำให้เกิดธุรกิจอีกอย่างหนึ่งที่ถึงแม้จะเป็นธุรกิจขนาดเล็กแต่ก็สามารถอยู่ได้อย่างสบายคือ ธุรกิจรับเลี่ยมพระหรือทำกรอบพระ ตลอดจนธุรกิจของคนทุนหนาอย่างธุรกิจค้าทองรับเลี่ยมพระกรอบทองก็ได้อานิสงส์เช่นกัน ตลาดแผงพระนับวันจะเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ นับว่าเป็นธุรกิจความเชื่อที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะความนิยมในตัวเกจิ และในด้านความศักดิ์สิทธิ์พุทธคุณ ผู้ที่ชอบในงานศิลปะ และผู้ที่หลงไหลในการสะสมของเก่า ด้วยเหตุนี้ธุรกิจตลาดแผงพระจึงเป็นธุรกิจที่อยู่ได้นานและเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดได้อีกทางหนึ่ง และตลาดแผงพระในหลาย ๆ ที่ ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น ท่าพระจันทร์ ในกรุงเทพฯ โรงแรมเมืองทอง ในโคราช เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจมากเพียงแค่ความเชื่อก็สามารถทำเงินได้อย่างมหาศาล ในสังคมไทย ภาพถ่ายโดย พงศธร อิ่มอุดม ผู้เขียนบทความ