เจ้าทุยย่ำเท้าก้าวไปข้างหน้า ลากเกวียนทั้งคันให้ขับเคลื่อนไปไปตามเส้นทางที่เป็นดินลูกรังสีแดง บนเกวียนที่บัดนี้ มีชายผู้เป็นผู้ขับบังคับเกวียนนั้น กับหญิงและลูกชาย ที่นั่งหลบแดดที่ร้อนระอุอยู่ภายใต้หลังคาเกวียนที่สานด้วยไม้ไผ่ ที่บรรทุกเอาข้าวเปลือกเพื่อไปขายยังจุดหมายปลายทางยังเมืองโคราช เมืองหน้าด่านที่ยิ่งใหญ่ ทั้งยังเป็นประตูสู่การออกเดินทางไปยังเมืองบางกอก สองข้างทางบ้างเป็นป่าละเมาะที่มีเพียงต้นไม้เตี้ยๆ บ้างผ่านป่าที่สมบูรณ์ บางเป็นเพียงความแห้งแล้งของดินลูกรัง แต่ทว่าบัดนี้สองข้างทางเริ่มเห็นทุ่งนา และต้นข้าวในท้องหน้าบ้างแล้ว พวกเขาเดินทางรอนแรมมาหลายวันจากเมืองบุรีรัมย์ จนบัดนี้เกวียนของเขา หยุดพักยังหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่มีลำน้ำมูล ทอดขนานอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ผู้คนในหมู่บ้านนั้นถูกเรียกกันว่า "ชาวข่าว" ชนเผ่าพวกนี้ นำดินเหนียวจากลำน้ำมูล มาปั้นเป็นโอ่ง เป็นไห ต่างๆนาๆ แล้วนำไปเผาไฟ แล้วนำมาใช้ประโยชน์ กองคาราวานเกวียนจากนางรอง บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ เรื่อยไปถึงเขมร มาถึงยังหมู่บ้านนี้และแลกเปลี่ยนข้าวเปลือก กับเครื่องปั้นดินเผาคุณภาพเหล่านั้น นำกลับไปยังเมืองของตนในขาเดินทางกลับ นั่นเป็นวิถีชีวิตที่เราพอจะจินตนาการได้ในสมัยโบร่ำโบราณถึงวิถีชีวิตในแถบลุ่มน้ำมูลแห่งนี้ ว่ากันว่าดินแม่น้ำที่นี่เป็นดินที่เหมาะแก่การนำมาปั้นเครื่องปั้นสำหรับใช้สอย และที่นี่คือ หมู่บ้านด่านเกวียน....จังหวัดนครราชสีมาในอดีตนั้น เป็นเส้นทางขนส่งสินค้า และลำเลียงสินค้า พ่อค้าจากนางรอง บุรีรัมย์ สุรินทร์ ขุนหาญ เรื่อยไปจนถึงเขมร จะเดินทางเข้ามาเพื่อติดต่อค้าขายกับชาวโคราช และมักจะพักกองคาราวานเกวียน บริเวณที่แห่งนี้จนถูกเรียก กันต่อๆมาว่า “บ้านด่านเกวียน” พ่อค้าเหล่านั้นมักจะนำดินจากสองฝั่งลำน้ำมูลมาทำเป็นภาชนะใช้สอยต่างๆเช่นโอ่ง อ่าง ไห โดย ลอกเลียนแบบจากชนชาวข่าว ซึ่งเป็นกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ดั้งเดิม และได้นำภาชนะเหล่านั้นกลับไปยังภูมิลำเนาของตนเอง โดยลักษณะ เฉพาะของดินด่านเกวียนนั้นอยู่ที่ดินที่นำมาใช้ เป็นดินเหนียวเนื้อละเอียดที่ถูกขุดขึ้นมาจากริมฝั่งแม่น้ำมูล ดินดังกล่าวเป็นดินที่มีเอกลักลัษณ์ เฉพาะ คือมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อการเผา ง่ายต่อการขึ้นรูป ไม่บิดเบี้ยวหรือแตกหักได้ง่าย และเมื่อถูกเผาจะมีสีเป็นธรรมชาติเป็นสีแดงสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากธาตุเหล็กหรือสนิมที่มีอยู่่ในเนื้อดินเป็นจำนวนมาก ด้วยเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว ของภาชนะที่นำกลับไปนั้น ทำให้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนเป็นที่นิยมและชื่นชอบของผู้คน จนมีชื่อเสียงมากขึ้นเป็นลำดับ และได้กลายเป็นสินค้าที่ค้าขายกันตั้งแต่อดีต จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งเครื่องปั้นดินเผาบ้านด่านเกวียนนี้ เป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ พิถีพิถัน และประสบการณ์ในการผลิตให้กลายเป็นสินค้าคุณภาพ ประทับใจผู้ซื้อดินเหนียวที่นี่เป็นดินเหนียวที่เอกลักษณ์ คือทนทานต่อการเผา และมีสีแดงเป็นธรรมชาติเมื่อถูกเผา ชาวบ้านจะซื้อดินจากนายทุนในหมู่บ้านเพื่อนำมาใช้ทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยผสมดินเหนียวมาก 2 ส่วน กับดินเหนียวน้อย 1 ส่วนเพื่อไม่ให้ดินนั้นเหนียวจนเกินไป แยกเศษหินเศษไม้ออก และหมักทิ้งไว้เป็นเวลาอย่างน้อย1 วัน จากนั้นจึงนำ มานวดและอัดเป็นแท่ง โดยผ่านเครื่องนวดดิน เพื่อวัดขนาดและสัดส่วนจากนั้นจึงเข้ากรรมวิธีปั้นขึ้นรูปของภาชนะ เครื่องขึ้นรูปนั้นเรียกว่า “พะมอน” ในอดีตนั้น จะต้องใช้คน 2 คนในการหมุนพะมอนนี้เพื่อจะปั้น แต่ปัจจุบันนี้ มีการใช้มอเตอร์เข้ามาช่วย ทำให้ช่างปั้นขึ้นรูป สามารถปั้นเพียงคนเดียวได้ ซึ่งสามารถปั้นภาชนะได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว และได้ปริมาณมาก เมื่อปั้นเข้ารูปเสร็จแล้วก็เข้าสู่กรรมวิธี เขียนและแกะสลักลวดลาย โดยช่างเขียนลายจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ วาดลายต่างๆที่งดงามออกมาตามจินตนาการ ซึ่งแยกออกเป็น 3 แบบคือ การขูด การฉลุ และการแปะปั้น เสร็จแล้วจึงนำภาชนะที่ปั้นและเขียนลายไว้เรียบร้อยแล้ว มาผึ่งไว้ให้แห้งที่โรงผึ่ง ซึ่งเป็นโรงหญ้าหลังคาคลุมถึงพื้นเพื่อป้องกันแดดกรรมวิธีสุดท้ายคือการ นำภาชนะที่ผึ่งแล้ว เข้าเตาเผา ซึ่งเตาที่ใช้เผานี้เรียกว่าเตาทุเรียง การเผาแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือใช้ไฟต่ำ เผาท่อนไม้ขนาดใหญ่ไว้หน้าปากเตาประมาณ 12 ชั่วโมงจากนั้นใช้ไฟกลาง โดยใช้ท่อนไม้เล็ก เผาไว้หน้าปากเตาเช่นกัน ประมาณ 6 ชั่วโมงและสุดท้ายจึงใช้ไฟใหญ่ หรือไฟที่มีอุณภูมิสูงมากๆ ซึ่งใช้ไม้ เผาภายในเตาประมาณ 6 ชั่วโมง เมื่อไฟไหม้ไม้หมด จึงจะปิดปากเตาเอาไว้ เพื่อเป็นการอบ เป็นระยะเวลา ประมาณ 3วันโดยประมาณ จึงจะนำออกจากเตาได้ เป็นอันเสร็จกรรมวิธีการผลิตเครื่องปั้นดินเผาในปัจจุบันนี้ เกิดการผลิตขึ้นอย่างหลากหลาย ภายในชุมชน เกิดกลุ่มนายทุนเข้ามาลงทุนในการปั้นเครื่องปั้นดินเผานี้เป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดการจ้างงานภายในชุมชมเป็นจำนวนมาก และสร้างรายได้ให้กับชุมชนเป็นจำนวนมหาศาล เครื่องปั้นดินเผาเหล่านี้ ส่วนหนึ่งก็จะวางขายอยู่ยังลาน ขายเครื่องปั้นดินเผาในหมู่บ้านด่านเกวียนนั่นเอง อีกส่วนหนึ่งก็จะมีพ่อค้าจากจังหวัดต่างๆ เข้ามาซื้อเพื่อนำไปขายต่อ ยังสถานที่ต่างๆเช่น ตลาดนัดจตุจักรหมู่บ้านด่านเกวียน ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมาอยู่ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมาไปทาง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 15 กม. เดินทางไปยังถนนหมายเลข 224 สายนครราชสีมา-โชคชัยติดต่อสอบถามข้อมูลด่านเกวียนโฮมสเตย์ โทร.0-4433-8105 โทรสาร 0-4433-8369สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอโชคชัย โทร./โทรสาร 0-4449-1388สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครราชสีมา โทร./โทรสาร 0-4424-2991, 0-4424-3610http://korat.cdd.go.thE-mail: cddkorat2@gmail.com (กลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน)เรื่อง : Jirawat Suttipittayasakภาพถ่าย : Jirawat Suttipittayasak