ดงมะไฟเทรล เป็นงานวิ่งเทรลที่ถูกจัดขึ้นที่ วัดป่าภูผาสูง อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา จุดประสงค์เพื่อส่งเสริมฟื้นฟูการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ภายในบริเวณเส้นทางวัดป่าภูผาสูง และรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายก็จัดทำเป็นผ้าป่าเข้าวัดป่าภูผาสูงอีกด้วยค่ะ งานดงมะไฟเทรลนี้ เป็นงานวิ่งเทรลที่ 2 ของผู้เขียน ในระยะทาง 12.5 กิโลเมตร ก็แหม...ใจเราก็อยากจะขยับระยะอยู่หรอกนะ แต่งบประมาณในกระเป๋าไม่เอื้ออำนวยเลยนะสิคะ กับค่าสมัครและค่าอุปกรณ์ที่ต้องซื้อเพิ่ม อย่างเป้น้ำและเฮดแลมป์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์บังคับของระยะตั้งแต่ 21 กิโลเมตรขึ้นไป และอีกอย่าง รองเท้าก็ยังเป็นรองเท้าวิ่งมาราธอนคู่เดิมไม่เคยเปลี่ยน ไม่ใช่รองเท้าเฉพาะสำหรับวิ่งเทรลเสียอีก ดังนั้น ก็เลยลงแค่ 12.5 กิโลเมตร ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์บังคับเพิ่มเติมใด ๆ และเพื่อเป็นน้ำจิ้มกระตุ้นแรงบันดาลใจที่จะขยับระยะเพิ่มขึ้นอีกในปีต่อ ๆ ไปค่ะ บรรยากาศหน้างานวันรับ BIB และเสื้อที่ระลึก ภาพโดย : ผู้เขียน การจัดหาที่พักเพื่อที่จะมาวิ่งงานดงมะไฟเทรล ในระยะทาง 20 กิโลเมตร จากทางหลวงใหญ่ของเส้นทางมาที่วัดป่าภูผาสูงนี้ ที่พักและรีสอร์ทค่อนข้างมีน้อย บางที่ก็กำลังสร้างอยู่ยังไม่แล้วเสร็จ ทางทีมงานจึงได้จัดให้มีโฮมสเตย์ของชาวบ้าน เพื่อรับรองนักวิ่งทั้งหลายที่ประสงค์จะพักใกล้ ๆ กับที่จัดงาน หรือหากผู้ใดต้องการความสงบเป็นส่วนตัวและต้องการพักรีสอร์ท ก็ต้องหาที่พักแถว ๆ อ่างซับประดู่เลยล่ะค่ะถือว่าใกล้ที่สุดแล้ว หรือไม่ก็หาในตัวอำเภอสีคิ้ว ซึ่งดูจากระยะทางแล้วก็ไกลพอสมควรราว ๆ 40-50 กิโลเมตร จากพื้นที่จัดงานเลยทีเดียว จุดสตาร์ทของงานวิ่งเทรลนี้ อยู่บริเวณป่าสนด้านหน้าทางเข้าวัดป่าภูผาสูง และเนื่องจากคืนก่อนวันวิ่งมีฝนตกเกือบตลอดทั้งคืน พื้นที่ตรงจุดสตาร์ทก็เลยค่อนข้างเฉอะแฉะน่าดู ระยะทางของเรา 12.5 กิโลเมตร ปล่อยตัวเวลา 06:00 น. จากจุดสตาร์ทยังเป็นทางเรียบวิ่งย้อนลงไปทางด้านหน้าวัด ผ่านไปประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร ถึงจะได้วิ่งลงสู่พื้นที่ที่เป็นสนามเทรล จุดนี้จะมีรถคอยแจกน้ำให้นักวิ่ง และหลังจากนี้จะไม่มีจุดให้น้ำอีกแล้ว จนกว่าจะวิ่งออกมาสู่จุดที่มีบ้านเรือนของชาวบ้าน เพราะฉะนั้น นักวิ่งต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมตั้งแต่ก่อนออกจากจุดสตาร์ทเสียด้วยซ้ำไปค่ะ ที่จุดสตาร์ท ก่อนปล่อยตัวนักวิ่งเทรลระยะ 12.5 กิโลเมตร ภาพโดย : ผู้เขียน ในความคิดของเรา สนามเทรลที่ 2 นี้ แตกต่างจากสนามเทรลแรกที่เคยสัมผัสมาอย่างสิ้นเชิง สนามแรกนั้นถือว่าเบาะ ๆ จะเรียกว่าสนามชิมลางเลยก็ว่าได้ เมื่อเทียบกับสนามนี้ ที่มีการวิ่งขึ้นลงเขา มีความชัน และระหว่างที่ต่อสู้กับความชันนั้น ก็ต้องต่อสู้กับโขดหินน้อยใหญ่เกือบตลอดเส้นทาง ต้องใช้แรงจิกเท้าเพื่อระวังการลื่น และคอยดันตัวเองให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง ใช้แรงขา กล้ามเนื้อต้นขา และสะโพก ค่อนข้างหนักพอสมควรค่ะ อาจจะไม่ได้บู๊ แบบถึงกับต้องปีนป่ายไปในพื้นที่ที่มีความสูงชันมาก ๆ แต่เรื่องความชันที่นี่ก็มีมากพอให้ท้าทายเช่นกันค่ะ นอกจากป่าเขาที่เราได้เดินผ่านบ้าง วิ่งผ่านบ้างแล้ว บางช่วงก็ยังมีไร่พืชผัก ผลไม้ ของชาวบ้านอยู่บ้างประปราย เช่น ไร่แตงโม ไร่ข้าวโพด สวนยาง สวนผลไม้อื่น ๆ เป็นต้น เส้นทางของงานนี้เป็นทางดินสลับกับที่มีหินน้อยใหญ่เกือบตลอดเส้นทาง ในขณะเดียวกันบางช่วงก็เป็นทางที่เป็นป่าหญ้า และมีความเฉอะแฉะน้ำเจิ่งนอง อาจเกิดการลื่นหรือสะดุดหกล้มได้ทุกเมื่อ หากวิ่งหรือเดินอย่างไม่ระมัดระวัง บางส่วนของสนามวิ่งเทรล ภาพโดย : ผู้เขียน เมื่อขึ้นไปจนสุดก็ถึงจุดชมวิว สามารถมองเห็นเขาเควสต้า (เขาอีโต้) สลับซับซ้อนสวยงามอย่างชัดเจน ผสมกับที่มีฝนตกมาทั้งคืน ทำให้มีหมอกจาง ๆ ขับเน้นให้เทือกเขาซับซ้อนแห่งนี้สวยงามขึ้นอีกโขเลยค่ะ ภาพลักษณ์ตลอดทางที่สวยงามและสงบเงียบ มีเพียงเสียงหอบหายใจและเสียงฝีเท้าของนักวิ่ง บวกกับเสียงนกร้องเรียกกันเจื้อยแจ้วนั้น ถ้าเปรียบที่นี่เป็นดั่งทุ่งลาเวนเดอร์ สำหรับเราแล้วก็คงเป็นทุ่งลาเวนเดอร์ทุ่งใหญ่ที่สวยงามมากมายค่ะ งานวิ่งเทรลงานนี้ ตอบโจทย์ความท้าทายได้ระดับหนึ่ง สำหรับนักวิ่งสายมาราธอน อาจจะมองว่าโหดไปเสียด้วยซ้ำ เพราะมีความชัน มีความไม่สม่ำเสมอของพื้นดิน มีความเป็นป่า มีอุปสรรคที่ไม่สามารถวิ่งได้สม่ำเสมอตลอดเส้นทาง ต้องมีบางจังหวะที่ต้องก้าวสั้น บางจังหวะต้องก้าวยาวหรืออาจต้องกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางอีกเสียด้วย สำหรับเราเส้นทางวิ่งเทรลของงานนี้ เป็นที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง การวิ่งออกจากจุดสตาร์ท ไปสู่ทางป่าเขาที่มีอุปสรรค มีสิ่งกีดขวางที่เราอยากไปสัมผัส อยากไปมองเห็น ทางวิ่งที่ไม่มีความราบรื่นให้หยั่งเท้าลงไปเลย มีเพียงต้นไม้ข้างทางที่คอยเป็นกองเชียร์ตลอดทาง มีภาพวิวสวย ๆ เป็นรางวัลตอบแทนความเหน็ดเหนื่อย ภาพผู้เขียนขณะอยู่ในการแข่งขัน หลายคนอาจมีคำถามว่าจะดั่นด่นลำบากวิ่งไปเพื่ออะไร เหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิว เผลอ ๆ อาจมีการบาดเจ็บเกิดขึ้นอีก เรา... คงได้แต่ตอบว่า "ความสุขเกิดขึ้นที่นี่ เกิดขึ้นระหว่างทางกับสิ่งที่ได้พบเจอ" "ความสุขเกิดขึ้นจากประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เราป้อนให้กับตัวเองอยู่เสมอ" จบดงมะไฟเทรล ด้วยเวลา 01.35 ชม. ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่สวยงามเหมือนวิ่งมาราธอนนัก เพราะมัวแต่ชมนก ชมไม้ ชมธรรมชาติระหว่างทางนั่นเองค่ะ วิ่งเทรล สนุกดีค่ะ☺ ติดตามอัปเดตการจัดงานดงมะไฟเทรลได้ที่นี่ค่ะ Facebook Dongmafai trail และติดตามอ่านประสบการณ์เทรลแรกของเราได้ที่นี่นะคะ ห้วยยางเทรล# 1 วิ่งเทรลที่สวนรุกขชาติน้ำผุดทับลาว @ชัยภูมิ