ท้องฟ้าเริ่มครึ้มหนักขึ้น เมฆก่อตัวเป็นเป็นก้อนเบียดเสียดเป็นกำแพงขนาดใหญ่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวมาช้า ๆ พร้อมกับลมอ่อน ๆ ที่พัดมาก่อนหน้านี้ราว 15 นาทีที่แล้ว ผมเร่งให้สูบน้ำและรีบจับปลาในสระให้ไวขึ้น ก่อนที่ฝนจะเทลงมา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เราอาจต้องนับหนึ่งใหม่ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่า เมื่อปลาเจอน้ำใหม่ รสชาติปลาจะเปลี่ยนไปคนละเรื่องกับปลาแล้งน้ำเลยทีเดียว เรื่องนี้คนอีสานเข้าใจกันดี หลังจากจับปลาได้จำนวนหนึ่ง ทั้งปลาตัวเล็กตัวใหญ่ เราแบ่งปลาบางส่วนใส่โอ่งไว้ พอฝนตกก็จะเอาไปปล่อยลงในสระให้เขาได้ขยายพันธุ์ต่อไป ยกเว้นปลาชนิดเดียวเท่านั้นที่ไม่ต้องปล่อย เพราะเขามีอยู่แล้วตามธรรมชาติ เมื่อน้ำมาเขาก็มาด้วย นั่นคือ ปลาซิว ครั้งนี้ จับได้ราว 2 กิโลกรัม ถือว่าไม่น้อยสำหรับสระเล็ก ๆ แค่นี้ หลังจากลงจับปลาในสระเสร็จ วันนี้ตั้งใจจะทำอาหารด้วยเมนูสูตรพิเศษที่หากินได้ไม่ง่ายนัก ผมจึงเดินไปบริเวณหลังบ้าน เดือนก่อนเห็นต้นสะเดาอยู่ต้นหนึ่งใบหนามาก ตอนนี้มีมดแดงทำรังอยู่ 3 รัง ดูแล้วกำลังได้ที่น่าจะมีไข่มดแดง ผมจะเอามดแดงมาสักรังหนึ่งนี่แหละแล้วก็ปลาซิวสักหน่อย มาทำอาหารสูตรเด็ดอีกเมนูหนึ่งของคนอีสาน เป็นอาหารที่มามิกซ์กันนะครับ ผมเรียกว่า “เหนือฟ้าใต้บาดาลผสานหนึ่งเดียว” เหนือฟ้าก็คือไข่มดแดงที่อยู่บนต้นไม้ ส่วนใต้บาดาลก็คือปลาซิวในสระน้ำ เมื่อเอา 2 อย่างมาผสมรวมกัน มันจะมีความกลมกลืนลงตัวอร่อยแบบอร่อยเหาะ ภาษาที่บ้านผมเรียกว่านัวหลาย ซึ่งก็คือ “ก้อยปลาซิวไข่มดแดง” นั่นเอง วิธีการทำจะเป็นยังไง รสชาติจะออกมาแนวไหน เดี๋ยวมาดูวิธีการทำแต่ละขั้นตอนเลยนะครับ 1.เตรียมไข่มดแดงและแม่เป้ง พร้อมกับปลาซิวทั้งตัว ปริมาณขึ้นอยู่กับว่าจะทานกันกี่คนนะครับ 2.ซอยข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ผักชีฝรั่ง ต้นหอม ผักชี มะนาว พริกแห้งป่น ข้าวคั่ว 3.ลวกปลาซิวในน้ำร้อนเดือด 3 นาที ตักใส่ถ้วยพักไว้ 4.เอาไข่มดแดงและแม่เป้งคลุกเคล้ากับพริกแห้งป่น ข้าวคั่ว ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใส่น้ำร้อนพอคลุกคลิก 5.เทลงใส่ถ้วยปลาซิวลวก บีบน้ำมะนาวใส่ ตามด้วยผักชีฝรั่งหั่น ต้นหอมซอย คนให้เข้ากัน จากนั้นปรุงรสตามใจชอบ คลุกเคล้าให้เข้ากันและชิมรสชาติอีกครั้ง (ควรออกรสชาติเปรี้ยวเผ็ดนะครับ ถึงจะใช่อาหารอีสานบ้านเฮา) 6.ตักใส่จาน ตามด้วยเครื่องเคียงที่ต้องมาคู่กันคือผักใบบัวบกหรือผักอื่น ๆ เท่าที่มีก็ได้เช่นกัน เมนูนี้เป็นอาหารประจำปีนะครับ แม้ว่าปลาซิวกับมดแดงจะหาทานได้ทั้งปีก็ตาม แต่ว่าช่วงที่ปลาซิวและไข่มดแดงอร่อยมากก็ช่วงหน้าแล้งนี่แหละ คือมันเป็นมากกว่าอาหาร เพราะมันคือสุนทรียะของชีวิต เป็นเรื่องของความลงตัวทางธรรมชาติ แม้อีสานจะถูกมองว่าเป็นพื้นที่แห้งแล้ง แต่ในความแห้งแล้งนั้น มันมีความอัศจรรย์ที่ธรรมชาติได้รังสรรค์บางอย่างมาให้อย่างยิ่งใหญ่และงดงามในวิถีชีวิตแบบคนอีสานอย่างมาก อาหารอีสานเมนูนี้ เป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่นำเอาของ 2 อย่างแบบตรงข้ามสุดขั้วกันมาอยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืนแล้วกลายเป็นอาหารที่บอกได้เลยว่า “สุดยอด” อีหลีเด้อ ถ้ายังไม่ลองคงต้องลองสักครั้งแล้วหล่ะครับ ข้อมูลวิชาการ : “ปลาซิว” เป็นชื่อสามัญในภาษาไทยที่เรียกปลาน้ำจืดขนาดเล็กหลายชนิดในหลายสกุล ในวงศ์ปลาตะเพียน อันดับปลากินพืช โดยมากแล้วเป็นปลาที่อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ ขนาดลำตัวไม่เกิน 5 เซนติเมตร หากินบริเวณผิวน้ำ ปลาซิวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือปลาบ้า ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดได้ถึง 80 เซนติเมตร นอกจากนี้แล้ว ปลาซิว ยังอาจจะเรียกรวมถึงปลาในวงศ์อื่นที่มีรูปร่าง ลักษณะคล้ายเคียงกัน เช่น ปลาซิวแก้วในวงศ์ปลาหลังเขียวได้อีกด้วย “มดแดง” เป็นแมลงชนิดหนึ่งช่วยกำจัดศัตรูพืชหลายชนิด เช่น เพลี้ย หนอน เป็นสัตว์สังคม ชอบอยู่รวมกลุ่ม มักสร้างรังด้วยการดึงใบไม้มายึดติดกันเป็นรูปทรงกลมบนต้นไม้ใบหนาและใหญ่ เช่น ต้นมะม่วง สะเดาและขี้เหล็กภายในรังจะมีสมาชิก คือ แม่เป้งหรือนางพญามดแดง มีรูปร่างขนาดใหญ่มากกว่ามดแดงทั่วไป จะออกไข่ไว้ในรังประมาณ 100 - 500 ฟอง โดยมีไข่ 3 ลักษณะ คือ 1)ไข่มาก เป็นไข่ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติจะฟักออกมาเป็นแม่เป้ง 2)ไข่ฝาก เป็นไข่ที่มีขนาดเล็กจะฟักออกตัวมดแดงธรรมดาและ 3)ไข่มดดำ เป็นไข่ขนาดเล็กมีสีดำ ฟักออกเป็นตัวมดดำมีปีกแล้วบินไปอยู่ที่อื่น ภาพประกอบโดยผู้เขียน