การที่ชื่อใครสักคนจะไปปรากฏเป็นคำขวัญ ทั้งระดับหมู่บ้าน อำเภอหรือจังหวัด แปลว่าบุคคลนั้นต้องไม่ธรรมดาและน่าจะได้สร้างคุณประโยชน์อย่างมากมายมหาศาลในพื้นที่นั้น จนถึงกับต้องเอาชื่อไปเป็นคำขวัญ ดังเช่นคำขวัญประจำอำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมาที่ว่า “เขื่อนลำปลายมาศ เที่ยวหาดชมตะวัน ไร่มันหม่อนไหม ผลไม้พืชผัก ตะเคียนยักษ์ทับลาน นมัสการหลวงปู่สอน” นาม “หลวงปู่สอน” ที่ปรากฏท่อนสุดท้ายของคำขวัญประจำอำเภอนั้น ทำให้ผมต้องไปค้นคว้าด้วยการตามรอยท่านที่วัดเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมาทันที เพื่อหาคำตอบดังกล่าวว่าวัดนั้น มีเรื่องราวประวัติศาสตร์อะไรที่เชื่อมโยงไปถึงท่าน ทำให้ท่านกลายเป็นปูชนียบุคคลสำคัญระดับนั้นได้ วัดเสิงสาง ตั้งอยู่ห่างจากตัวสี่แยกอำเภอเสิงสางลงไปด้านทิศใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร ประตูเข้าวัดมี 2 ช่องจราจร ที่ซุ้มด้านบนตรงกลางจะมีรูปหล่อหลวงปู่สอนนั่งอยู่ พอเดินไปด้านในตามสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นกว่า 180 เมตร ด้านซ้ายมือเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ เมื่อเข้าไปถึงทางโค้งด้านในวัด จะสังเกตเห็นว่าด้านขวามือเป็นพระพุทธรูปสีเขียวทององค์ใหญ่ชื่อว่าพระเจ้า 5 พระองค์ เป็นพระพุทธรูปที่มีความสวยงามและแปลกตา ตรงไปด้านหน้าจะเจอรูปหล่อหลวงปู่สอนองค์ขนาดใหญ่ซึ่งเราสามารถจุดเทียนธูปบูชาปิดทองท่านได้ ถัดไปด้านหลังจะเป็นวิหารและพิพิธภัณฑ์หลวงปู่สอนและยังเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญประจำอำเภอเสิงสางอีกด้วย เมื่อเข้าไปด้านในตรงกลางจะเป็นรูปปั้นหลวงปู่สอนสีทองขนาดใหญ่มาก มีรูปปั้นองค์จำลองและหุ่นขี้ผึ้งในตู้กระจกให้ได้กราบไหว้ ด้านข้างมีเจดีย์บรรจุอัฐิบรมสารีริกธาตุและรูปปั้นอดีตจ้าอาวาส โดยรอบจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่สอนไม่ว่าจะเป็นเสื้อยันต์ พระผงหลวงปู่ทวด ที่สร้างโดยวัดประสาทบุญญาวาส จ.กรุงเทพฯ โซนด้านหลังมีตู้เก็บอัฐบริขารของท่านสมัยมีชีวิตอยู่ เช่น กานน้ำชา มีด บาตรน้ำมนต์ทำจากดินเผาปั้นเป็นลายเทวดา สิ่งเหล่านี้ได้ยืนยันว่า ท่านต้องเป็นพระที่มีความสำคัญและเป็นพระเกจิอาจารย์ที่สำคัญมาก นอกจากนั้น ก็เป็นตู้จัดแสดงโบราณวัตถุต่าง ๆ เช่น มีด ดาว เงินโบราณ และนิทรรศการบอกเล่าประวัติที่ท่านได้เป็นพระเกจิอาจารย์จากภาคอีสานตอนใต้ไปร่วมงานปลุกเสกวัตถุมงคลที่กรุงเทพฯ ทำให้ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นในยุคนั้น จุดหนึ่งที่น่าสนใจต่อมา คือ ศาลา 100 ปี มีเสาประมาณ 50-70 ต้น พื้นปูด้วยกระดานไม้แผ่น ผนังด้านข้างทำจากไม้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน นอกจากนั้น ทุกเสายังทาสีทองเป็นลายดอกไม้ มีความเก่าแก่สวยงามน่าเยี่ยมชมมาก อีกจุดหนึ่งที่แปลกและแทบจะไม่มีให้เห็นแล้วคือ ตัวใบเสมาที่ทำเป็นเขตพัทธสีมาของคณะสงฆ์รอบโบสถ์เป็นก้อนหินทรายกลม ๆ ปกติหินรอบโบสถ์จะสร้างเป็นใบเสมาต่าง ๆ มากมาย แต่ของที่นี่ก็คือ เป็นหินทรายก้อนกลม ๆ ขนาด 1-2 ฟุตวางอยู่บนหินทรายรูปสี่เหลี่ยมแกะสลักเหมือนฐานโยนี ประตูเข้าโบสถ์ทำจากไม้แสะสลักขนาดใหญ่ มีลวดลายปูนปั้นพญานาคคู่ดูสวยงามเกาะราวบันไดอยู่ โดยสองข้างประตูมีรูปวาดเทพพนมยืนไหว้อยู่ทั้งสองด้าน ด้านบนเหนือซุ้มประตูเป็นภาพวาดรูปต้นโพธิ์อ่อนช้อยสวยงาม สำหรับประวัติหลวงปู่สอนนั้น เท่าที่อ่านจากแผ่นหินจารึกประวัติของหลวงปู่สอนบอกว่า หลวงปู่สอนก็คือพระครูภูมิวุฒาจารย์ (สอน พุภะระมะ) เกิดปี พ.ศ. 2405 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่บ้านหนองบัวแสน ตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมา พออายุ 22 ปี พ. ศ. 2427 ท่านได้บวชพระ ได้ศึกษาและปฏิบัติกรรมฐานทั้งในฝั่งประเทศไทยและกัมพูชา เป็นหมอยาสมุนไพรช่วยเหลือชาวบ้านและเป็นเกจิอาจารย์ ช่วง 5 ปีสุดท้ายในชีวิตท่านคือ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 เป็นต้นมา ท่านเป็นพระที่มีชื่อเสียงได้รับความศรัทธาจากญาติโยมทั้งในเขตนครราชสีมาและกรุงเทพฯ ก่อนท่านจะมรณภาพในปี พ. ศ. 2510 ที่วัดช่องอู่จอหอ สิริอายุ 105 ปี พรรษา 83 ทุกวันนี้ในเขตพื้นที่อำเภอเสิงสาง หากถามเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่สอน คนส่วนใหญ่จะทราบกันดี เพราะแทบทุกบ้านจะต้องมีภาพถ่าย เหรียญหรือรูปหล่อท่านบูชาไว้บนหิ้งพระเสมอ ใครผ่านไปอำเภอเสิงสางแวะไปกราบท่านและเดินชมวัดกันได้นะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ พิกัดที่ตั้ง : เลขที่ 1 หมู่ที่ 12 ตำบลเสิงสาง อำเภอเสิงสาง จ.นครราชสีมา สิ่งที่น่าสนใจ : รูปปั้นพระเจ้า 5 พระองค์/รูปหล่อหลวงปู่สอน/พิพิธภัณฑ์/ศาลา 100 ปี/ใบสีมาก้อนหินธรรมชาติ วันเวลาเปิดปิด : 06.00-18.00 น. ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน : อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ฟรี