ภาพประกอบโดยผู้เขียน KALE (เคล) เป็นชื่อของผักชนิดหนึ่งซึ่งได้รับการขนานนามว่า 'ราชินีแห่งผักใบเขียว' เพราะผักเคลเป็นผักใบเขียวที่มีคุณประโยชน์มากมายจนครองใจเหล่าบรรดาผู้รักสุขภาพทั้งหลาย ภาพประกอบโดยผู้เขียน ก่อนจะไปทำความรู้จักกับคุณประโยชน์ของผักเคล เรามาทำความรู้จักหน้าตารูปทรงและลักษณะของผักเคลกันก่อนดีกว่าค่ะ บางคนอาจจะพอรู้จักผักเคลกันมาบ้าง แต่หลาย ๆ อาจจะยังไม่รู้จักว่าเจ้าผักเคลแท้ที่จริงแล้วเป็นพืชตระกูลเดียวกับบร็อคเคอรี่ ดอกกะหล่ำ และคะน้านั่นเอง นอกจากมีชื่อเรียกว่าผักเคลแล้ว ยังมีอีกชื่อที่นิยมใช้เรียกผักเคลนั่นคือ ผักคะน้าใบหยิก พอเรียกแบบนี้แล้วพอเห็นภาพผักเคลชัดขึ้นไหมคะ ลักษณะของผักเคลจะมีสีเขียวเข้มและขอบใบหยิก เป็นผักที่นิยมรับประทานกันในต่างประเทศและถูกยกย่องให้เป็น Superfood ด้วยนะคะ เพราะในผักเคลอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โอเมก้า 3 แมกนีเซียม แคลเซียม เหล็ก โซเดียม โพแทสเซียม และยังเป็นแหล่งรวมวิตามินที่สำคัญ ๆ อย่าง วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค และวิตามินบี 6 เป็นต้น ภาพประกอบโดยผู้เขียน จากวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่อยู่ในผักเคล เมื่อเราได้รับประทานเข้าไปแล้วจะสร้างคุณประโยชน์มากมายให้กับร่างกายเราดังต่อไปนี้ 1. ช่วยลดคลอเลสเตอรอลตัวร้ายอย่าง LDL และเพิ่มไขมันดี HDL ให้กับร่างกาย (มีผลวิจัยจากผู้ที่ดื่มน้ำผักเคลเป็นประจำทุกวันติดต่อกัน 12 สัปดาห์) ภาพประกอบโดยผู้เขียน 2. ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระในร่างกาย 3. ช่วยบำรุงเลือด ช่วยให้เลือดลำเลียงออกซิเจนไปยังอวัยวะต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี 4. ช่วยบำรุงตับ และช่วยในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยดีท๊อกซ์ลำไส้ ล้างสารพิษที่ตกค้าง 5. ช่วยลดการอักเสบต่าง ๆ ของร่างกาย 6. ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ และยังมีผลชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง 7. ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันไข้หวัด 8. ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ลดเลือนริ้วรอยและชะลอวัย จากคุณประโยชน์ดังกล่าว ผักเคลสมกับการถูกขนานนามให้เป็น 'ราชินีแห่งผักใบเขียว' เพราะมีคุณประโยชน์ครบครัน แต่อย่างไรก็ตามการทานผักเคลก็มีข้อควรระวังนะคะ ภาพประกอบโดยผู้เขียน ข้อควรระวังสำหรับการรับประทานผักเคล หากรับประทานผักเคลมากเกินไปอาจจะก่อให้เกิดโทษได้ เนื่องจากในผักเคลมีสาร Goitrogen มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนในต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายนำไอโอดีนในเลือดไปใช้ได้น้อยกว่าปกติ เพราะฉะนั้นหากร่างกายได้รับสารดังกล่าวมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการท้องอืด ร่างกายขาดสารไอโอดีน เป็นต้นเหตุนำไปสู่โรคคอพอกได้ค่ะ