สว้สดีค่ะ สวัสดีค่าา สวัสดีค่า วันนี้ขอมาพูดอะไรแบบคนชิลล์ ๆ บ้างดีกว่า เรื่องชิลล์ ๆ ที่ว่านั้นก็คงไม่พ้นกับการไปนั่งชิลล์ ๆ ทำใจให้สบาย ๆ ไปกับการนั่งเล่นที่ร้านกาแฟนั่นเองค่ะ ขอบอกก่อนเลยว่าการไปร้านกาแฟในครั้งนี้เกิดขึ้นได้เพราะความบังเอิญอยากเที่ยวชิลล์ ๆ ในเมืองล้วน ๆ จ้า แท้ที่จริงแล้วตัวเรามีเป้าหมายหลักเลยคือการไปคาเฟ่ในเมือง ซึ่งก็วางแผนเรียบร้อยแล้ว เดินทางไปถึงแล้วด้วย แต่เพราะความที่หาข้อมูลผิด ดวงก็เลยซวยมาลงวันที่ร้านปิด! พลาดไปอีกจ้า ทำได้แค่เพียงถ่ายรูปหน้าร้านพร้อมป้าย “close” สุดเก๋ ที่ถ้าเกิดไม่เอ๋อจริงทำไม่ได้เลยนะคะ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป้าหมายทันที โดยการเริ่มหาร้านใหม่โดยการเดินไปเรื่อย ๆ แล้วก็บังเอิญไปเจอร้านกาแฟร้านนึง เห็นเพียงป้ายเล็ก ๆ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปค่ะ สรุปก็คือเป็นร้านกาแฟจริง ๆ ร้านกาแฟที่เราพูดถึง เป็นร้านที่อยู่ใน หลืบนิดนึงอ่ะเนอะ ตามภาพที่ทุกคนเห็นเลย จะเป็นซอยเล็ก ๆ ที่พอเดินเข้าไปก็จะเจอร้านกาแฟนั่นเองค่า เดินเข้ามาสิ่งแรกที่เห็นคือโต๊ะเล็ก ๆ เพียงโต๊ะเดียวที่อยู่ตรงหน้าร้านและเหมือนตัวโต๊ะนั้นจะมีการประยุกต์โดยการที่โต๊ะนั้นทำมาจากยาง ก็คือมีจินตนาการมากค่า นำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์จริง ๆ เลย แต่ร้านนี้ไม่ได้มีโต๊ะเดียวนะคะขอบอกไว้ก่อน เพียงแต่ว่าโต๊ะอีกราว 4-5 โต๊ะนั้นจัดวางไว้อยู่ในร้านแล้วค่า จากที่รู้สึกได้นั้นคือร้านนี้ออกจะคล้าย บ้านคนสะมากกว่า ราวกับว่าเอาชั้นล่างของบ้านมาทำเป็นร้านกาแฟยังไงอย่างงั้นเลยค่ะ พอเข้ามาในร้านเราก็จะพบกระจกบานหนึ่งวางอยู่ คิดว่าทางร้านคงจัดวางไว้ให้คนถ่ายรูปได้เก๋ ๆ อ่ะเนอะ ในร้านคือเหมือนยุคสมัยเก่ามาก ๆ ค่ะ มีกระจกหลากหลายสีราวกับละครในสมัยก่อนเลยก็ว่าได้ ดูจากพัดลมในร้านแล้วก็คือเหมือนยุคโบราณเข้าไปอีก ตั้งแต่ไปคาเฟ่มาก็คือเห็นร้านนี้แหละค่ะที่เป็นพัดลมแบบนี้ เครื่องดืมที่นี่ก็จะราคาไม่ต่างกับคาเฟ่ในเมืองที่อื่นมากนัก ราคาประมาณ 40-70 นั่นเองค่ะ รสชาติเราว่าอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว แถมในร้านมีเครื่องประดับพวกต่างหูน่ารัก ๆ ขายอีกด้วย อย่างไรก็คงต้องขอลาไปก่อน ยังไงก็ขอลาไปก่อนนะคะกับบทความนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับนักท่องเที่ยว หรือเพื่อน ๆ คนอื่นไม่มากก็น้อย ขอบคุณค่ะ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)