ตั้งแต่จำความได้รอบ ๆ บ้านของยายและในสวนจะเต็มไปด้วยต้นหม่อนที่ปลูกไว้เพื่อใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ทำให้ต้นหม่อนเป็นต้นไม้ที่มีความผูกพันกับวิถีชีวิตของฉันมาตั้งแต่เด็ก ๆ “ต้นหม่อน” ในภาษาอีสานเรียกว่า "ต้นมอน" มีลักษณะเป็นไม้ยืนต้นทรงพุ่มมีหลากหลายพันธุ์ค่ะ ทั้งต้นเตี้ยต้นสูง ใบเล็กใบใหญ่ ซึ่งใบของต้นมอนจะมีความสาก ลำต้นสูงประมาณ 2-6 เมตร ดอกสีขาวเล็ก ๆ เป็นช่อ ๆ ผลของต้นหม่อนหรือที่รู้จักกันในนาม มัลเบอร์รี่ จะมีลักษณะคล้ายพวงองุ่นเล็ก ๆ ผลสุกจัดจะมีสีม่วงอมดำค่ะ สามารถรับประทานได้มีรสหวานอมเปรี้ยว ซึ่งฉันชอบเก็บมารับประทานมาก ๆ เลยล่ะค่ะ เก็บมาทีเป็นตะกร้า ๆ กันเลย แต่เวลาเก็บต้องระวังมาก ๆ เลยนะคะ เพราะผลหม่อนมีน้ำเป็นองค์ประกอบมากมันจึงช้ำได้ง่ายทำให้มือของเราเลอะสีม่วง ๆ แล้วล้างออกยากค่ะ ยายเล่าว่าต้นหม่อนมีประโยชน์หลายอย่าง โดยเฉพาะการนำมาเป็นอาหารให้หนอนไหมเลี้ยงหนอนไหม เพื่อที่จะได้นำ “ฝักหลอก” ปลอกสีเหลืองที่ห่อหุ้มตัวหนอนไหมขณะที่เป็นดักแด้ มาทำเป็นเส้นไหมเพื่อที่จะได้มีเส้นไหมมาใช้ในการทอผ้าไหมไว้สำหรับใช้หรือขายเพื่อสร้างรายได้ ดังนั้นแทบทุกบ้านจึงมีต้นหม่อนปลูกไว้หลายต้น นอกจากจะเป็นอาหารสำหรับหนอนไหมแล้วต้นหม่อนยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีก คนอีสานมักนำมาใช้ในการประกอบอาหารไม่ว่าจะเป็นต้มย่างเพื่อให้อาหารมีรสชาติกลมกล่อมและเนื้อนิ่ม ทุกครั้งที่ทำต้มไก่ พ่อจะเด็ดใบหม่อนมา 3-4 ใบใหญ่เพื่อใส่ลงไปในต้มไก่ ทำให้ต้มไก่ที่พ่อทำมีรสชาติกลมกล่อมและเนื้อนิ่มเรียกได้ว่าเป็นสูตรเด็ดเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ใบหม่อนยังนิยมนำมาทำตากแห้ง แล้วนำมาชงเป็นชาไว้สำหรับชงดื่มกัน มีสรรพคุณคือ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอล บำรุงร่างกาย และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงอีกด้วยค่ะ ถึงแม้ในปัจจุบันนี้วิถีชีวิตคนในชุมชนจะเปลี่ยนไป ผู้คนหันไปทำอาชีพอื่นกันมากขึ้น การเลี้ยงหนอนไหมการเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยมีคนทำมากนัก แต่ยังคงหลงเหลืออยู่บ้างในบางครัวเรือน นั่นเป็นสาเหตุให้การปลูกต้นหม่อนลดลงจากสมัยฉันเป็นเด็กค่อนข้างมาก แต่หากคุณผู้อ่านอยากเห็นต้นหม่อนหรือวิถีชีวิตชาวบ้านแบบบ้าน ๆ ที่ยังสามารถพบได้อยู่ก็แวะมาเยี่ยมเยียนชุมชนของเราที่อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคามได้นะคะติดตามอ่านบทความอื่น ๆ ที่ทรูไอดี Link บทความศิริภาพประกอบบทความถ่าย โดย SI RI (ผู้เขียน)