ภาพปกโดย ผู้เขียนสวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง คำ เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนทราบกัน วันนี้เราจะมาลงลึกเกี่ยวกับเรื่อง คำ กันค่ะมาดูกันสิว่าเรื่องง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนทราบแล้ว มีอะไรมากมายต่างจากที่ทราบหรือไม่ มาเรียนรู้กันค่ะคำและความหมายของคำคำ หมายถึง หน่วยย่อยที่สุดในภาษา ที่เจ้าของภาษารู้จัก และใช้ในการพูด และการเขียน คำแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือรูป (form) กับ ความหมาย (meaning) (รูปของคำอาจเป็น รูปเขียน หรือ รูปเสียงก็ได้)หน่วยคำอิสระ หมายถึง หน่วยคำที่สามารถปรากฎตามลำพังได้ โดยไม่ต้องมีหน่วยคำอื่นมาประกอบ เช่น พัดลม การ์ตูน ตลาด ฯลฯหน่วยคำไม่อิสระ หมายถึง หน่วยคำที่ต้องมาประกอบกับคำอื่นเสมอ ไม่สามารถปรากฎตามลำพังได้ และเมื่อรวมกับคำอื่นแล้วจะใช้เป็นคำคำเดียว เช่น ที่เปิดฝา ที่จอด บริกร จิตรกร ฯลฯภาพประกอบโดย ผู้เขียนข้อมูลทางภาษาที่อยู่ในคำข้อมูลด้านเสียง คือ ข้อมูลด้านรูปแบบของเสียงที่เรียงกันตามระบบของภาษาข้อมูลด้านโครงสร้างของคำ คือ ข้อมูลที่บอกว่า คำหนึ่ง ๆ เป็นคำเดี่ยวหรือประกอบขึ้นมาจากหน่วยคำใด บ้างข้อมูลด้านวากยสัมพันธ์ คือ ข้อมูลด้านชนิด และหน้าที่ของคำที่จำเป็นต้องรู้เมื่อคำนั้นไปสัมพันธ์กับคำอื่น ในโครงสร้างที่ใหญ่กว่าข้อมูลด้านความหมาย คือ ข้อมูลด้านความหมายทั้งหมดที่คำนั้น ๆ ใช้สื่อทั้งความหมายตรงและความหมาย เปรียบเทียบหรือความหมายแฝงข้อมูลด้านการใข้คำ คือ ข้อมูลด้านการใช้คำในปริบทของสถานการณ์หรือข้อความต่าง ๆข้อมูลด้านสังคมและวัฒนธรรม คือ ความรู้ด้านสังคม และวัฒนธรรมที่แฝงอยู่ในคำข้อมูลด้านประวัติหรือที่มาของคำ คือ ข้อมูลที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความหมายดั้งเดิมของคำที่มาของคำ นั้น ๆภาพประกอบโดย ผู้เขียนประเภทของคำในภาษาไทยประเภทของคำตามจำนวนพยางค์ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. คำพยางค์เดียว เช่น กิน นอน ไหว้ เดิน งู ปลา 2. คำสองพยางค์ เช่น กระปุก กล้วยหอม การบ้าน สว่าง 3. คำหลายพยางค์ เช่น มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล สถานีตำรวจประเภทของคำตามประวัติที่มาของคำ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. คำไทยแท้ เช่น พ่อ แม่ ดิน ฝน คน 2. คำยืม แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ (ก) คำยืมจากภาษาต่างประเทศ เช่น วิทยา (สันสกฤต), ฟุตบอล (อังกฤษ), กิจ (บาลี) (ข) คำยืมต่างภาษาต่างถิ่น เช่น แซบ (อีสาน), อ้อร้อ (ใต้), กาด (เหนือ) 3. คำที่บอกประวัติที่มาไม่ได้ เช่น ตุ๊กตา ซาหริ่ม ทาก ประเภทของคำตามศักดิ์ของคำ แบ่งออกเป็น 7 ประเภท ได้แก่ 1. คำราชาศัพท์ คือ คำที่ใช้เฉพาะกับพระเจ้าแผ่นดิน พระบรมวงศานุวงศ์ และพระสงฆ์ เช่น อาพาธ ประทับ พระหัตถ์ 2. คำทางการ คือ คำแบบแผน และคำที่ใช้ในการติดต่อราชการ เช่น ถึงแก่กรรม บิดา มารดา หนังสือราชการ 3. คำสุภาพ คือ คำที่ใช้กับบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่อาวุโสกว่า เช่น รับประทาน ศีรษะ เสมหะ 4. คำทั่วไป คือ คำที่ใช้ได้กับภาษาทุกระดับ เช่น เด็ก ผีเสื้อ กระดาษ โรงเรียน กำไล 5. คำลำลอง คือ คำที่ใช้ในสถานการณ์ทีไม่เป็นทางการ เช่น สนามบิน (ท่าอากาศยาน) 6. คำสแลง คือ คำที่ไม่เป็นทางการที่ใช้เฉพาะกลุ่ม เช่น แจ๋ว (คนรับใช้), แมงโม้ (คนขี้โม้) 7.คำหยาบ คือ คำที่ไม่สุภาพ เช่น ดาก ขี้ ตด รวมทั้งคำด่า และคำที่สื่อความหมายทางเพศภาพประกอบโดย ผู้เขียนการสร้างคำเป็นกระบวนการเพิ่มคำใหม่ให้แก่ภาษา โดยนำคำที่มีใช้อยู่ในภาษามารวมกัน มี 2 วิธี ได้แก่ 1. การประสมคำ คือ การนำคำมารวมกันเป็นคำใหม่ โดยใช้หน่วยคำอิสระ หน่วยคำอิสระ + หน่วยคำอิสระ คำประสม หมู + กรอบ หมูกรอบ กรอบ + รูป กรอบรูป ดิน + เหนียว ดินเหนียว 2. การประสานคำ คือ การสร้างคำแบบไม่รู้จบ สามารถนำวิธีการสร้างคำของคำหนึ่งไปเลียนแบบสร้างคำอื่น ๆ ได้ โดยส่วนใหญ่ใช้คำว่า การ ความ เป็นหน่วยคำหน้า เช่น การเมือง ความรัก การปรับปรุง ความใส่ใจภาพประกอบโดย ผู้เขียนเมื่อเรารู้จักเรื่อง คำ แล้ว เราสามารถแยกคำแต่ละหน่วยได้ หากรู้เรื่อง คำ ที่ลึกซึ้งจะทำให้เชื่อมต่อไปยัง เรื่องอื่น ๆ ในภาษาไทยดังนั้นควรหมั่นศึกษาภาษาไทย เพื่อเป็นการอนุรักษ์ภาษาไทย แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้านะคะ