โควิดซาเมื่อไหร่ จะไปอีกสักครั้ง ผู้เขียนอยากพาเพื่อน ๆ ไปชมความงามของยอดภูที่สูงที่สุดวัดจากระดับน้ำทะเลถึง 1,316 กิโลเมตร แต่การเดินทางบอกเลยค่ะว่าไม่ได้ง่ายจะถือว่าลำบากสุด ๆ เลยค่ะเพราะต้องเดินตั้งแต่ทางขึ้นจนถึงที่พัก ถ้าใครอยากพิสูจน์ความรักต้องชวนแฟนไปที่นี้ “ภูกระดึง”เป็นอุทยานแห่งชาติภูกระดึง อยู่อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย มีเขตติดต่อกับอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น การเดินทางไปด้วยรถโดยสารประจำทางได้ค่ะ รถส่วนตัวก็สะดวกถ้าใครไปรถส่วนตัวเราแนะนำเอารถจอดไว้ที่จุดรับรถของอุทยานหรือของชาวบ้านแถวนั้นรับรองความปลอดภัยค่ะ หลังจากนั้นเราไปติดต่อซื้อตั๋วขึ้นอุทยานกับทางเจ้าหน้าที่อุทยานค่าตั๋วรวมเช่าเต้นท์ราคา 250 บาทต่อคน แต่ราคานี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงนะคะเพราะผู้เขียนไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และสำหรับกระเป๋าถ้าใครคิดว่าฉันสตรองสามารถแบกขึ้นได้ก็สะพายขึ้นไปเองแต่ถ้าใครคิดว่าไม่รอดแน่มีบริการลูกหาบพ่อหาบ คิดกิโลละ 15 บาท ผู้เขียนคิดแล้วว่าไม่รอดแน่ จ้างลูกหาบเลยค่ะ ไม่มีหายเพราะที่นี้การบริหารดีเป็นระบบ เจ้าหน้าที่จะมีบัตรรับของเป็นหมายเลขเดียวกันกับกระเป๋าและชื่อลูกหาบให้ไว้ พอจัดการเสร็จสรรพก็เดินตัวปลิวกันเลยค่ะ ผู้เขียนและเพื่อนร่วมทริปพิชิตภูกระดึงไปกันกับเพื่อนสาว 2 คนกับหนึ่งหนุ่มทางเจ้าหน้าที่ใจดีแจกข้าวกล่องด้วยความหิวเลยจัดมา 6 กล่อง เราเริ่มเดินขึ้นเขาเวลา 8 โมงเช้า แต่กินไม่ลงสุดท้ายข้าวกล่องนั้นเราเอาไปให้แม่ค้าที่อยู่ตรงทางขึ้นไปซำแรกแค่ซำแรกก็จะตายแล้ว แต่ก็ต้องเดินเป็นระยะทางพันกว่าโลต้องเดินขึ้นเขาเดินแล้วก็เดินเพื่อไปให้ถึงจุดหมายด้วยกายพร้อมใจพร้อม อ่อ! และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องเตรียมคือ เงินในกระเป๋าไปเยอะ ๆ นะคะ เพราะตลอดทางขึ้นเขาจะมีร้านค้าขายของ อาหารที่อร่อยที่สุดคือน้ำดื่ม และแตงโม แตงโมแพงมากค่ะ แต่อย่างว่าแหละคะมันเอาด้วยความลำบากแพงแค่ไหนก็ต้องกิน เพราะเป็นการเที่ยวที่เหนื่อยสุด ๆ และวัดใจตัวเองด้วยใจต้องถึง แต่เราพึ่งใครไม่ได้เลยเพราะต่างคนต่างเหนื่อย แต่เราจะดูแลกันคอยเดินเคียงข้างกันไปเราจะเห็นใจกันก็ยามนี้แหละ ยามลำบาก แต่ใจเราสู้ เราเดินมาถึงที่พักเต้นท์ที่เราจองไว้เวลา 17:00 น. ตัวผู้เขียนเกือบมาไม่รอด นอนเป็นลมอยู่หลังแปจนบอกเพื่อนว่าปล่อยเรานอนไว้ตรงนี้แหละ ไม่ไหวแล้ว แต่เพื่อนบอกไม่ได้ จนในที่สุดฮึดสู้ทั้งเดินทั้งคลาน เพื่อนบอกสู้เขาถึงเราต้องถึงเหมือนกัน จนในที่สุดเราก็ไปถึงเพื่อเราจะไปดู ผาหล่มสักตอนพระอาทิตย์ตกดิน ไปดูใบเมเปิ้ล ไปสัมผัสอากาศหนาว วันที่พวกเราไปอากาศประมาณ 10 องศาหนาวมาก ๆ บอกเลยค่ะว่าเราลืมความเหนื่อยไปเลย มันสวยมาก ๆ หมอกเต็ม เวลาพูดควันออกปากเหมือนอยู่ต่างประเทศเลย บนภูกระดึงมีร้านค้าเปิดเหมือน 7-11 เลยมีทุกอย่าง อร่อยที่สุดคือ มาม่าคัพ และ มีน้องกวางที่ออกมาทักทายนักท่องเที่ยวเขาจะคุ้นกับคนมาก ๆ เพราะเขาเจอทุกวันอย่าทำร้ายเขานะ น้องกวางน้อยเป็นมิตรกับทุกคนน่ารักมากค่ะ แนะนำว่าถ้าจะไปเที่ยวภูกระดึงต้องมาช่วงเดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่อุทยานเปิดให้นักท่องเที่ยวไปชมธรรมชาติความงามของภูกระดึงไปสัมผัสอากาศหนาวบนยอดภูบางวันอากาศติดลบก็มี พวกเรานอนพักค้างคืนแค่ 2 คืน ตามระเบียบค่ะคือน้ำไม่อาบซักแห้งทั้งสองคืนเลย ฮ่าฮ่า!!...พอตอนเช้าเราเช่าจักรยานคันละ 360 บาทปั่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาหล่มสัก ต้องปั่นให้คุ้มเพราะเช่าแพง ผู้เขียนยังคิดถึงและอยากไปสัมผัสอีกสักครั้ง แต่ต้องฟิตร่างกายให้พร้อมและที่สำคัญใจต้องถึงไปขึ้นภูกระดึงด้วยกันนะคะ ขอบคุณเครดิตภาพและภาพปกจาก facebook MissNam Ka เรื่อง โดย ผู้เขียนสาวภูธร