เมื่อหน้าหนาวที่ผ่านมา หลาย ๆ ท่านคงได้แวะไปชมความงามของธรรมชาติของขุนเขา ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเขาค้อ หรือภูทับเบิก กันมาบ้างใช้มั้ยล่ะคะ ผู้เขียนเป็นอีกคนที่แวะเวียนไปจังหวัดเพชรบูรณ์บ่อยพอสมควร แต่ไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปไปเที่ยวที่ภูทับเบิกสักที จนครั้งนี้ประจวบเหมาะแก้เวลาและโอกาส คุณแฟนชวนขึ้นภูทับเบิก แต่จุดหมายปลายทางไม่ได้เป็นการกางเต็นท์ชมธรรมชาติอย่างเคย แต่จุดหมายครั้งนี้คือการไปไหว้พระ ณ วัดป่าภูทับเบิก ว่าแล้วเราก็ออกเดินทางกันค่ะขับรถขึ้นมาภูทับเบิกได้ นอกว่าวิวทิวทัศน์ที่สวยงามกลมกลืนของเมฆหมอกตัดกับความเขียวของต้นไม้ใบไม้แล้ว เรายังเห็นยอดเจดีย์อยู่ไกล ๆ ซึ่งนั่นคือ ยอดเจดีย์ พระมหาเจดีย์โพธิปักขิยธรรม ของวัดป่าภูทับเบิก จุดหมายปลายทางของเรานั่นเอง ซึ่งเมื่อเราเดินทางมาถึงบริเวณวัด ต้องบอกว่าวัดนี้ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ทางสถาปัตยกรรมและพระพุธทศาสนาอีกแห่งหนึ่งก็ว่าได้กล่าวคือ แต่เดิมนั้น ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างวัดป่าภูทับเบิกขึ้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมสายธรรมยุตินิกาย เมื่อปี พ.ศ. 2534 บนเนื้อที่วัดประมาณ 50 ไร่ ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2542 วัดแห่งนี้ได้เป็นสถานที่รับน้ำฟ้ากลางหาวเพื่อนำขึ้นทูนเกล้าถวาย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เพื่อใช้ในการทำน้ำพุทธมนต์ ในพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษาครบ 6 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2542วัดนี้มีจุดที่สำคัญ ที่เราเห็นจอดเจดีย์อยู่ไกล ๆ นั้น คือ พระมหาธาตุเจดีย์โพธิปักขิยธรรม ซึ่งในช่วงที่ผู้เขียนไปนั้น กำลังก่อสร้างทางขึ้นตัวเจดีย์เพื่อไปไหว้ พระบรมสารีริกธาตุ โดยระหว่างทางขึ้นถูกจำลองให้เสมือนว่าเรากำลังเดินเข้าสู่ป่าหิมพานต์ สองข้างทางมีรูปปั่นเทวดาหลากหลายแบบตามอย่างในวรรณคดี ถูกแต่งแต้มสีสันและปั่นแต่งออกมาเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงาม ซึ่งทางวัดต้องการจำลองให้คล้ายกับทางขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์นั่นเอง ตรงนี้ผู้เขียนประทับใจมาก เนื่องจากไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน ซึ่งต้องบอกว่าควรแค่แก่การไปศึกษาหาความรู้มากทีเดียวเมื่อเดินตามทางขึ้นมา เราก็จะพบกับ พระมหาธาตุเจดีย์โพธิปักขิยธรรม ซึ่งเมื่อมาเห็นของจริงใกล้ ๆ ต้องบอกว่ามีความใหญ่โต และถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันและสวยงามไปด้วยสถาปัตยกรรมอันละเอียดเช่นกัน พระเจดีย์นี้ เป็นเจดีย์เพชรที่มีถึง 37 ยอด ประดับด้วยกระเบื้องโมเสค ทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งจะล้อมด้วยกำแพงพญานาคเงิน พญานาคทอง 9 เศียร มีขนาดความสูงถึง 80.90 เมตร สร้างโดย พระอาจารย์วัชระ วิจิตโต ในปี พ.ศ.๒๕๔๙ พระอาจารย์ท่านสร้างเพื่อให้เป็นพุทธสถาน และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่องค์สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆประณายกที่ได้ทรงประทาน พร้อมผ้าพระกฐินแก่วัดป่าภูทับเบิก เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ปี พ.ศ. 2558 โดยทางวัดก็ได้ประกอบพิธีอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ บรรจุในผอบทองคำ มีขนาดความสูง 99 เซนติเมตร พร้อมฉัตรทองคำมีขนาดความสูง 161 เซนติเมตร นำขึ้นประดิษฐาน ณ ยอดใหญ่สูงสุดพระมหาธาตุเจดีย์เมื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุเรียบร้อย ผู้เขียนได้เดินชมบริเวณวัด พบว่าทั่วบริเวณนั้น ถูกปกคลุมไปด้วยไม้ยืนต้น และดอกไม้อย่างร่มรื่นและสวยงาม ประกอบกับมีวัดตั้งอยู่บนพื้นที่สูง ทำให้บรรยากาศมีความหนาวเย็นตลอดทั้งปีด้วยค่ะ บอกได้เลยว่ามาเที่ยวภูทับเบิกครั้งนี้ ผู้เขียนรู้สึกประทับใจมาก เพื่อเราไม่ได้เพียงมาชมธรรมชาติ แต่ยังได้มาไหว้พระเพื่อความเป็นศิริมงคล แถมยังได้ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม รวมถึงทางด้านพุธทศาสนากลับไปด้วยซึ่งการมาที่วัดป่าภูทับเบิกนั้นก็ไม่ยาก พิกัดคือ ขับรถตามทางหลวงหมายเลข 2331 (สี่แยกน้ำชุน-สามแยกภูทับเบิก) เพื่อขึ้นมาบนภูทับเบิก จะเห็นป้ายทางเข้าหมู่บ้านภูทับเบิก เดินทางต่อไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงจุดชมวิวภูทับเบิก และจากจุดชมวิวภูทับเบิกไปประมาณ 6 กิโลเมตร เราก็จะถึงวัดป่าภูทับเบิก เพื่อความสะดวกแบบผู้เขียน สามารถหาใน Google Map โดยหาจากชื่อวัดได้เลยค่ะหมายเหตุ ภาพถ่ายทุกรูป ถ่ายโดยผู้เขียนเอง