"เชียงคาน" ชื่อนี้ได้ยินมาเนิ่นนานว่าเป็นสถานที่ชิคแอนด์ชิล ควรมาเดินเล่น นั่งเล่น นอนเล่นให้เพลิดเพลินใจสักครั้ง เราจึงตัดสินใจใส่เชียงคานไว้ในโปรแกรมเดินทาง โดยมาถึงเชียงคานวันที่ 3 ตุลาคม 2563 ประมาณบ่ายสามโมง อากาศขมุกขมัวที่เห็นทำให้ต้องรีบหาที่จอดรถซึ่งเราทำการบ้านมาแล้วว่าจะไปจอดที่วัดศรีคุนเมือง ถ้าเทียบกับคนที่มาเยี่ยมเยือนแล้วที่จอดรถมีน้อยต้องวางแผนดีๆ นะคะ หลังจากนั้นก็เดินหาที่พักกันอย่างตื่นเต้นเพราะตั้งใจว่าจะมาเดินดูก่อนจองห้องพัก ซึ่งผิดมากเชียงคานวันเสาร์-อาทิตย์คนเที่ยวตลอดทั้งปี ถ้าอยากได้ที่พักสวยๆ ทำเลดีๆ ริมน้ำโขงควรจองล่วงหน้านะจ๊ะ เราโชคดีได้ห้องริมถนนคนเดินเนื่องจากมีคนยกเลิกห้องพัก หากไม่ได้ตั้งเป้าจะต้องนอนที่ถนนคนเดิน เชียงคานมีที่พักซ่อนตัวอยู่ในซอกซอยมากมาย หรือหากขับรถมายิ่งมีที่พักให้เลือกหลากหลายแต่จะห่างออกมาสักหน่อย พอได้ที่พักเสร็จจึงไปเอาของที่รถพอดีกับที่พระพิรุณเสียใจร้องให้เหมือนฟ้ารั่ว ติดฝนอยู่เกือบ 30 นาที เมื่อฝนซาจึงรีบขนของเดินตากฝนโปรยปรายทำมิวสิคกันอยู่สองคนพอถึงที่หมายฝนก็หยุดตกทันที หึหึ ความน่ารักของที่นี่หากที่พักไหนเต็มจะมีป้ายติดบอกไว้ตัวใหญ่เห็นชัด เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาทั้งคนหาและเจ้าของที่ต้องมาคอยตอบคำถาม คนเชียงคานน่ารักอัธยาศัยดี ลวิตเป็นคนชอบเมืองเหนือ รู้สึกว่าเชียงคานมีกลิ่นอายแบบนั้น ให้บรรยากาศคล้ายๆ กัน ลองมาสัมผัสสักครั้งแล้วจะติดใจ เราออกมาเดินสำรวจดูตลาดที่ร้านรวงเริ่มจะมาตั้งบางตา กว่าจะหนาแน่นคงเป็นช่วงห้าโมงเย็นไปแล้ว จึงไปเดินเล่นริมแม่น้ำโขงกันก่อน เพื่อนนักท่องเที่ยวหนาแน่นพอสมควร บ้างเดินคูลๆ บ้างปั่นจักรยานตามความชอบเวลาเดินจึงต้องคอยระวังรถจักรยานด้วยนะคะ ^_^ ริมโขงหลังฝนตกถึงท้องฟ้าจะไม่สดใสแต่อากาศเย็นชื่นใจ มองไปฝั่งตรงข้ามก็เจอประเทศลาวเห็นแล้วได้แต่คิดตามเพียงแม่น้ำกั้นกลางเท่านี้เราก็เป็นคนละประเทศแล้วนะ "สวัสดีค่ะ ประเทศลาว" เดินครบหนึ่งรอบจึงกลับมาตั้งหลักที่ห้องพักก่อน ค่ำๆ ค่อยออกไปอีกที ว่าจะเดินขำๆ แต่กลับมาพร้อมเสบียงในมืออย่างเยอะ ทั้งที่แวะกินมื้อใหญ่ไปตอนเกือบๆ ห้าโมง เย็นนี้จะกินอะไรได้อีกไหมหนอ? และพอหนึ่งทุ่มตรงเราก็ออกมาเดินเล่นตามแผนทำให้รู้ว่าไอ้ที่กินๆ ไปก่อนหน้านี้ไม่ต้องห่วงพอเจอของน่าอร่อยเราก็จะกินเพิ่มได้อีก อย่าได้ดูถูกศักยภาพการกินของมนุษย์เลยเชียว 555 บรรยากาศตอนนี้คนพลุกพล่าน จักรยานพร้อมเพรียง สองล้อไฟฟ้าก็มา ร้านค้าเต็มสองข้างทาง คึกคักคักคึกมาก ฝนไม่ตกเหมือนตอนบ่ายสนุกทั้งคนขายและคนเดิน ส่วนใครที่ลืมของใช้ส่วนตัวกระจุกกระจิกไม่ต้องตกใจ เดินเข้าถนนศรีเชียงคานซอย 10 ไปไม่ไกลจะเจอเซเว่นที่คุ้นเคย มีหมดจ้า แปรงสีฟัน น้ำผลไม้ยันกางเกงใน เลือกชื้อได้ตามใจชอบ จริงๆ แล้วเดินเข้าซอยไหนก็ได้ แต่ถ้าเข้าทางซอย 10 จะทะลุมาเจอเซเว่นเลย ถนนคนเดินเชียงคานมีชีวิตชีวาถึงประมาณสามทุ่มบวกลบ ก็เริ่มแยกย้ายให้ทุกคนได้กลับไปพักผ่อนเพราะฉะนั้นอย่าออกมาดึกมากนะเดี๋ยวตลาดวาย อิ่มพุงก่อนนอนแล้ว หากอยากอิ่มใจตอนเช้าตั้งนาฬิกาปลุกและตื่นขึ้นมาใส่บาตรได้ เวลาดีประมาณหกโมงเช้าเป็นต้นไปถึงเจ็ดโมงหน่อยๆ มีพระเดินบิณฑบาตรตลอดค่ะ ส่วนของใส่บาตรก็ไม่ต้องไปหาไกล จะมีพี่ๆ เข้ามาถามและเราเลือกได้เลยจะเอาอะไรบ้างถูกแพงขนาดไหน อยากถ่ายรูปสวยๆ ก็จะมีขันโตกให้ราคาตามความงาม ที่เห็นในภาพของเรารวม 160 บาทเพราะมีขันโตก และชุดสังฆทานเล็กๆ ด้วย ใครมาคนเดียวหรืออยากมีรูปคู่ก็ขอให้พี่ๆ ที่ขายชุดตักบาตรถ่ายรูปให้เราได้ มืออาชีพมากๆ รูปสวยเดินซ้ายเดินขวาได้ทุกมุมค่ะ ที่สำคัญที่นี่ตักบาตรข้าวเหนียวนะ ล้างมือมาเลยเพราะต้องใช้มือหยิบข้าวเหนียวจากกระติ๊บลงบาตรเลยจ้า หลังจากตักบาตรเสร็จเราก็ไปหาข้าวเช้ากินกัน อีสานยังคงมีไข่กระทะและข้าวเปียกเส้นหรือก๋วยจั๊บญวนให้ได้กินอยู่ตลอด แต่ช่วงเช้าจะหาของกินยากกว่าช่วงเย็นมากเพราะมีร้านเปิดน้อย ร้านที่เปิดจึงคนเยอะหน่อยอย่าโมโหหิวกันนะ ^_^ แล้วเราก็ออกจากเชียงคานมาด้วยความอิ่มท้องและหัวใจเบิกบาน เป็นที่ๆ ถ้ามีโอกาสจะกลับมานอนชิลอีกครั้งแน่นอน แล้วเจอกันนะ "เชียงคาน" ลวิตอยากบอก: เชียงคานเป็นที่ๆ มีเสน่ห์น่าหลงไหล ติดตรงที่มีเพื่อนนักท่องเที่ยวบางคนทิ้งขยะตามจุดต่างๆ ริมฝั่งโขงเป็นระยะๆ ไม่น่ารักเลย มาเป็นนักท่องเที่ยวแนวใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมกัน สถานที่สวยงามในประเทศไทยจะได้คงความงามอย่างนี้ไว้ตลอด ช่วยกันค่ะ ^_^ ภาพถ่ายโดยไปกับลวิต