"เชียงคาน" เมืองเล็ก ๆ ติดริมแม่น้ำโขงที่ใครหลาย ๆ คนต่างใฝ่ฝันที่จะมาเยือน แม้กระทั่งคนที่เคยมาแล้วก็อยากมาอีก... เพราะมนต์เสน่ห์ของที่นี่เต็มไปด้วยความเรียบง่าย เงียบสงบ มีวัฒนธรรมที่สวยงาม และมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ วันนี้เราขออาสาพาไปดู^^ มาเชียงคานก็ต้องนอนพักที่ถนนคนเดินนะจ๊ะ มีที่พักให้เลือกเยอะเลย ลองเสิชหากันดู ตื่นเช้ามาก็จะเห็นแสงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า แสงแดดกระทบสายน้ำทอแสงระยิบระยับ แนะนำว่าตื่นประมาณ 5.45 น. ล้างหน้าแปรงฟัน แต่งหน้าเบาๆ (ลุคตื่นมาหน้าก็เป็นแบบนี้เลย) ไปถ่ายรูปกันจ้า ประมาณ 6.30-7.30 จะมีพระสงฆ์เดินบิณฑบาตรด้วยนะ ลองติดต่อกับทางที่พักได้เลยว่าให้จัดเตรียมชุดกับข้าวใส่บาตรให้ด้วยนะ ที่นี่จะมีวัฒนธรรมตักบาตรข้าวเหนียว โดยใช้มือของเราหยุม (จับ) ข้าวเหนียวเป็นหนึ่งหยิบมือ แล้วใส่ในบาตรพระได้เลย ตักบาตรเสร็จแล้ว ยืมจักรยานของที่พักไปปั่น สูดอากาศบริสุทธิ์ ไปดูวิถีชีวิตชาวบ้านกันจ้า ส่วนใครที่ไม่รู้จะไปไหน เราเชื่อว่าทางที่พักน่าจะมีแผนที่ หรือแนะนำสถานที่เที่ยวให้อยู่ หรือจะนั่งสามล้อ/โบกรถข้างทาง/ให้ที่พักเรียกรถให้ก็ได้จ้า นั่งรถจากเชียงคานมาแปปเดียว (ประมาณ 20 นาที) ก็ถึงภูทอก มาตอนเช้าๆ ยังพอมีหมอกให้ดูอยู่ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีเลย แต่ต้องลุ้นเอาหน่อยนะว่าจะเจอทะเลหมอกไหม ^^ เสร็จแล้วแวะไหว้พระต่อสักหน่อย ที่นี่ติดริมแม่น้ำ มีที่ให้ถ่ายรูป วิวสวยมากๆ ไปต่อกันที่ แก่งคุดคู้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของเชียงคาน ตลาดของที่นี่เป็นเหมือนสวนอาหารที่มีร้านค้าของชุมชนให้บริการอาหารทะเล ส้มตำ รวมถึงอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีตลาดขายของฝาก ของที่ระลึก ราคาย่อมเยาอีกด้วย วิวของแก่งคุดคู้ สามารถมองเห็นพรมแดนประเทศลาวที่ถูกกั้นด้วยแม่น้ำโขง ช่วงน้ำลดสามารถมองเห็นพื้นดินใต้น้ำ และเดินลงไปชมได้ ตกเย็นพาไปชมถนนคนเดินเชียงคาน แหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยอาหาร วัฒนธรรม และผู้คนมากมาย สิ่งที่ท่านจะได้พบเห็นเต็มไปหมด ก็คือ การแสดงเปิดหมวกของเหล่าเด็ก ๆ นักเรียน รวมไปถึงชาวบ้านที่มาโชว์เล่นดนตรี ร้องเพลง หรือการแสดงยืนนิ่งเป็นหุ่น เรียกร้องความสนใจจากนักท่องเที่ยวให้มาร่วมถ่ายภาพด้วย ถนนคนเดินเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00-24.00 น. แต่วันปกติร้านค้าจะเปิดไม่ครบ ต้องเป็นวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จึงจะมีร้านให้เลือกมากกว่า เชียงคานไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แต่ยังมีเสน่ห์ที่รอให้ทุกท่านมาค้นหา ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นมนตร์เสน่ห์ที่หาได้ยากยิ่ง หากเราไม่ช่วยกันอนุรักษ์และรักษา มนต์เสน่ห์เหล่านี้อาจเป็นได้แค่เพียงตำนานที่ไว้เพียงเล่าขานต่อ ๆ กันไป ฉะนั้น หากมีโอกาสไปเที่ยวที่ใดก็ตามแต่ อย่าลืมปฏิบัติตามกฏระเบียบ และช่วยกันสืบทอดต่อวัฒนธรรมอันดีงาม เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษากันต่อไปด้วย